โรคที่เป็นภัยเงียบเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต

โรคกระดูกพรุน บางทีอาจมีอันตรายถึงชีวิตถ้าหากปล่อยปะไม่เอาใจใส่ไม่สังเกตอาการ หรือไม่รีบรักษา ผู้สูงอายุเสี่ยงกว่าวัยอื่นรวมทั้งจากสถิติพบว่าโรคกระดูกพรุนคือปัญหาสาธารณสุขอันดับ 2 ของโลก รองจากโรคหัวใจแล้วก็หลอดเลือด

สิ่งที่ทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน

ต้นเหตุของการเกิดโรคกระดูกพรุนมาจากการที่ร่างกายขาดแคลเซียม รวมทั้งในแต่ละตอนวัยได้รับแคลเซียมในจำนวนที่ไม่เหมาะสมรวมทั้งอายุที่มากขึ้นที่ทำให้มวลกระดูกเสื่อมลงตามวัย กระดูกของผู้คนจะมีความหนาแน่นสูงสุดที่อายุโดยประมาณ 30 ปี แล้วก็ จะคงที่อยู่ระหว่าง 30-40 ปีและก็มวลกระดูกจะลดน้อยลงเรื่อยๆทุกปีต่อไปจนตราบเท่าวัยหมดประจำเดือนในสตรี จะมีการลดน้อยลงของมวลกระดูก อย่างเร็ว แล้วก็ เมื่ออายุมากกว่า 65 ปี มวลกระดูกจะลดต่ำลงจนกระทั่งจุดมีความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหัก

สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่ทำให้มวลกระดูกลดน้อยลง

-อายุที่มากขึ้น (โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีวัยหมดประจำเดือน)

-รับแคลเซียม / ร่างกายซึมซับแคลเซียมไปใช้ได้ไม่พอ

-ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน-หรือดื่มแอลกอฮอล์

-สูบบุหรี่

-ประทานยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ฯลฯ

อันตรายของโรคกระดูกพรุน

อาจารย์นายแพทย์เทพรักษา เหมพรหมราช แพทย์ผู้ที่มีความชำนาญด้านกระดูกรวมทั้งข้อ โรงพยาบาลจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยข้อมูลน่าสนใจเกี่ยวกับสถิติของโรคนี้ว่าผู้เจ็บป่วยที่กระดูกสะโพกหัก จะได้โอกาสเสียชีวิตในปีแรกราว 20% แล้วก็ 50% จะเสียชีวิตข้างใน 6 ปี ยิ่งกว่านั้น โรคกระดูกพรุนยังส่งผลให้เกิดลักษณะของการปวดข้างหลัง หลังโก่งงอ ขยับเขยื้อนลำบาก หายใจติดขัด ปอดปฏิบัติงานได้ไม่ดี มีลักษณะอาการอ่อนเพลียง่าย ก่อให้เกิดทุพพลภาพหรือบางทีอาจถึงขั้นเสียชีวิตในที่สุด

สัญญาณอันตราย “กระดูกพรุน”

จริงๆแล้วโรคกระดูกพรุนเป็นภัยเงียบที่เกือบจะไม่มีการแสดงอาการอะไรให้เห็นได้ชัดเจนเลยเพราะเหตุว่าการที่มวลกระดูกของพวกเราจะบาง หรือเสื่อมลงเป็นกรรมวิธีการที่เกิดขึ้นเป็นระยะเวลาต่อเนื่องยาวนานเป็นปี โดยไม่สามารถที่จะมองเห็นได้ แต่ว่าแม้เริ่มออกอาการหลังโค้งงอกระทั่งมองหลังค่อม แล้วก็ดูตัวเตี้ยลงอย่างชัดเจนรวมทั้งหากประสบอุบัติเหตุจนกระทั่งมีลักษณะท่าทางว่ากระดูกบางทีอาจจะหัก ควรจะรีบให้แพทย์ตรวจรักษาอย่างถูกแนวทาง

อาหารไทยในชีวิตประจำวัน จำนวนแคลเซียมบางทีอาจน้อยเกินไป

ข้อมูลที่ได้รับมาจากกองพินิจพิจารณาอาหาร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้พินิจพิจารณาปริมาณแคลเซียมในอาหารของไทย พบว่าอาหารภาคกลาง มีจำนวนแคลเซียมไม่พอต่อสภาพทางด้านร่างกาย โดยมีจำนวนแคลเซียมเฉลี่ยต่อวันต่ำที่สุดเพียงแต่ 156 มิลลิกรัมต่อวันเพียงแค่นั้นส่วนของกินของภาคเหนือ มีปริมาณแคลเซียมเฉลี่ยสูงที่สุดอยู่ที่ 251.8 มิลลิกรัมต่อวัน

 

สนับสนุนโดย  แทงบอลออนไลน์2020