การบำรุงรอบดวงตา

ดวงตาและรอบดวงตาถือเป็นส่วนที่มีความบอบบางและเป็นส่วนที่มีความสำคัญกับร่างกสบ เพราะถ้าหากเรานั้นไม่มีการดูและและบำรุงรอบดวงตานั้นก็จะทำให้รอบดวงตาของเรานั้นเป็นตาแพนด้าหรือขอบตาดำนั่นเอง ทำให้เรานั้นเกิดความไม่มั่นใจในใบหน้าได้และยังทำให้เป็นปัญหาใหญ่ของการแต่งหน้าในแต่ละวันด้วย

เพราะถ้าหากรอบดวงตาของเรานั้นคล้ำดำก็จะต้องใช้สิ่งที่จะสามารถช่วยปกปิดความดำคล้ำหรือคอนซีลเลอร์ในการปกปิกรอยดำรอบดวงตานั่นเอง และถ้าหากมีการปิดปิดที่ไม่ดีก็จะทำให้รำหว่างวันเราจะสามารถเห็นรอยดำคล้ำใต้ตาได้อย่างชัดเจนด้วย ทำให้เสียความมั่นใจมากๆเลยทีเดียวสำหรับรอยคล้ำรอบดวงตาซึ่งเราสามารถที่จะดูแลและรักษารอบดวงตาของเรานั้นให้สดใสและไม่ดำคล้ำได้โดย

การพักผ่อนให้เพียงพอ ถิเป็นปัจจุยหลักที่ทำให้เกิดความบอบช้ำรอบดวงตาไม่ว่าจะเป็ใต้ตาคล้ำหรือปัญหาถึงใต้ด้วย เพราะถ้าหากเรานั้นนอนหลับไม่พียงพาก็จะทำให้ตาของเรานั้นเกิดอาการช้ำหรือคล้ำได้ และบางคนที่นอนน้อยมากๆเป็นระยะเวลานานๆก็จะทำให้การแก้ไขหรือรักษาอาการตาดำคล้ำนั้นได้ยากด้วย ดังนั้นการนอนพักผ่อนให้เพียงพอถือเป็นการรักษาและถนอนรอบดวงตาให้ไม่ดำและคล้ำได้และเป็นวิธีที่ได้ผลในการดูแลรักษาอย่างมาก

ผลิตภัณฑ์บำรุงรอบดวงตา ถ้าหากเรานั้นมีเวลาในการที่จะนอนพักผ่อนไม่เพียงพอก็อาจจะต้องพึ่งผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับบำรุงรอบดวงตาด้วย เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะไปช่วยนการฟื้นฟูและบำรุงรอบดวงตานั้นเอง ซึ่งผลิตภัณฑ์ในการบำรุงรอบดวงตานั้นก็มีหลากหลายยี่ห้อมากมาย การเลือกใช้ก็อาจจะต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่จะสามารถช่วยแก้ปัญหาให่รอบดวงตาเราได้นั่นเอง ถึงแม้ผลิตภัณฑ์บำรุงรอบดวงตาจะมีราคาที่ค่อนข้างสูงในแต่ลพยี่ห้อ แต่ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่ามากกว่าการปล่อยให้ดวงตาของเรานั้นคล้ำเสียและการที่รอบดวงตาคล้ำเสียนั้นเป็นส่งที่บ่งบอกว่าเรานั้นแก่ก่อนวัยนั่นเอง การใช้ผลิตภัณฑ์ในการบำรุงรอบดวงตานั้นยังช่วยในการชะลอการเกิดริ้วรอยรอบดวงตาก่อนวัยอันควรอีกด้วย

การนวดเบาๆ เมื่อเราใช้ผลิตบรุงรอบดวงตาแล้วนั้นการใช้มือนวดระเบาๆหรือลูกกลิ้งที่ใช้สำหรับนวดดวงตานั้นในการนวดก็จะสามารถช่วยในเรื่องการลดความหมองคล้ำได้ด้วย แต่เน้นว่าต้องนวดเบาๆก็พอเพราะถ้าหากนวดแรงก็จะทำให้ดวงตาเกิดความบอบช้ำได้ และการนวดนั้นก็ควรจะนวดจากหัวตาไปสู่ห่างตาเพื่อการลดรอยคล้ำรอบดวงตาและทำให้รอบดวงตากระชอับและเกิดริ้วรอยได้ยากขึ้น

 

สนับสนุนโดย  entaplay mobile

สุขภาพฟันสำคัญอย่างไร

ถ้าหากว่าจะกล่าวถึงหัวใจสำคัญต่างๆภายในร่างกายของผู้คนพวกเราสิ่งหนึ่งเลยที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้ซึ่งก็คือฟันนั่นเอง เพราะว่าฟันนั้นมีความหมายมากมายๆสำหรับในการดำรงชีวิตทุกวันของพวกเราทุกคน พวกเราใช้ฟันสำหรับในการบดเคี้ยวของกินให้มีขนาดเล็กก่อนจะกลืนลงไป

แล้วส่งต่อหน้าที่การย่อยของอาหารนี้ให้กับกระเพาะถัดไปเป็นลำดับและก็เว้นแต่หน้าที่หลักของฟันอย่างการบดเคี้ยวของกินแล้ว ฟันก็ยังเป็นความสวยสดงดงามบนบริเวณใบหน้าในช่วงเวลาที่พวกเรายิ้มอีกด้วยรวมทั้งแน่ๆว่าพวกเราทุกคนควรจะตระหนักถึงการดูแลรักษาสุขภาพฟันเพราะฟันนั้นเป็นส่วนที่สำคัญมากๆพวกเราทุกคนควรต้องเอาใจใส่ดูแลต่อร่างกายฟันให้ดีเป็นพิเศษอยู่เป็นประจำ

โดยที่ไม่สมควรปล่อยปละละเลยการดูแลและรักษาความสะอาดเป็นหลักอย่างการขัดฟันนั้นก็นับได้ว่าเป็นหัวข้อสำคัญและก็จำเป็นต้องทำมากๆอย่างจำเป็น เริ่มจากสิ่งแรกเป็นการเลือกใช้แปรงสีฟัน ควรจะเลือกใช้แปรงที่มีลักษณะของขนแปรงที่ค่อนข้างจะอ่อนนุ่มอยู่ในแบบอย่างปลายขนที่เรียงกันแหลมเพราะเหตุว่าแปรงที่มีต้นแบบขนในรูปแบบนี้นั้น

จะก่อให้ในตอนที่พวกเราแปรงฟันขนแปรงก็จะสามารถสอดแทรกผ่านซี่ฟันให้เข้าไปได้ลึกถึงรอบๆที่เป็นส่วนของกระพุ้งแก้มในส่วนของการเลือกใช้ยาสีฟันนั้นก็ควรจะเลือกให้ดีแล้วก็เหมาะสมกับปัญหาในช่องปากของตนเองด้วยโดยควรจะเลือกใช้ยาสีฟันที่มีการนำเอาส่วนประกอบฟลูออไรด์ใส่ลงไปด้วย

เนื่องจากจะช่วยรักษาสุขภาพฟันในช่องปากที่พวกเรารักได้ดีนั่นเองสำหรับวิธีที่จะสามรถรู้ได้ว่ายาสีฟันแบรนด์นั้นๆมีการผสมฟลูออไรด์หรือเปล่านั้นก็สามารถที่จะเลือกหาดูได้ง่ายด้วยการอ่านฉลากส่วนประกอบรอบๆข้างกล่องของยาสีฟันนั้นๆ

โดยที่จำนวนของฟลูออไรด์ที่ระบุว่าผสมลงไปในยาสีฟันนั้นควรจะมีปริมาณที่มากเพียงพอจากที่ทางด้านการแพทย์กำหนดไว้ด้วย และก็อีกหนึ่งสิ่งที่ควรจะทำพร้อมกันไปกับการขัดฟันก็คือการใช้ไหมขัดฟันนั่นเองก็เลยจะถือเป็นการรักษาความสะอาดของฟันได้อย่างมีคุณภาพสูงที่สุดนั่นเอง

ในส่วนของการใช้ไหมขัดฟันนั้นก็เป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆด้วยด้วยความที่ในขั้นตอนของการแปรงฟันทั่วๆไปนั้นธรรมดาแล้วทางหมอฟันได้ออกมาให้ข้อมูลว่ามันไม่เพียงพอแล้วก็แน่ๆว่าการแปรงฟันที่พวกเราทุกคนทำกันเป็นประจำทุกวันนั้นไม่อาจจะช่วยทำความสะอาดได้ทั่วถึง

 

สนับสนุนโดย  entaplay th

มารู้จักโรคอัลไซเมอร์กันเหอะ

หลายคนคงจะเคยได้ฟังเกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์กันมาบ้างแล้ว แต่ว่ายังมีอีกหลายๆคนแยกหัวข้อการโรคสมองเสื่อมกับอัลไซเมอร์ไม่ออกว่าตามที่เป็นจริงแล้วอีกทั้งอัลไซเมอร์รวมทั้งโรคสมองเสื่อมเป็นโรคเดียวกันหรือเปล่าในความเป็นจริงแล้วโรคที่ส่งผลเกี่ยวกับความจำของผู้คน ดังเช่นว่า จำไม่ได้ว่าทานข้าวหรือยังจำไม่ได้ว่าวางของไว้ที่ไหน

หรือจำไม่ได้ว่าเมื่อวานนี้ไปทำอะไรมาบ้างสถานะการณ์ที่จำไม่ได้พวกนี้เป็นลักษณะของคนไม่สบายความจำไม่ดีและก็สูญเสียความจำก็มีหลากหลายสาเหตุซึ่งอาการอัลไซเมอร์ก็คือโรคสมองเสื่อมอีกอย่างหนึ่งนั้นเอง ถ้าหากจะกล่าวไปแล้วมนุษย์เราจะเริ่มเป็นโรคโรคสมองเสื่อมเมื่ออายุเริ่มเข้าปีที่ 60 ไปแล้ว

แต่ว่าก็มีบางบุคคลที่อายุยังน้อยแต่ว่าความจำก็เริ่มมีปัญหาจำอะไรไม่ค่อยได้แต่ว่าปัญหาเกี่ยวกับความจำพวกนี้ก็สามารถมีหลายกรณีร่วมกัน ตัวอย่างเช่น สมองบางทีอาจจะเคยได้รับผลกระทบจากการได้รับอุบัติเหตุมาหรืออาจเป็นเพราะเนื่องจากมีการทานยาบางประเภทมาเกินไปซึ่งทำให้เกิดผลเสียกับสมองสำหรับผู้ที่เป็นโรคอัลไซเมอร์นั้นชอบมักจะทำอะไรบ่อยๆพูดซ้ำๆเริ่มจำคนที่อาศัยอยู่ในครอบครัวมิได้ถูกใจหลงลืม

รวมทั้งมักจะลืมเหตุที่เพิ่งจะผ่านไปไม่นานแต่ว่าถ้าเกิดเป็นเพียงแค่อาการหลงๆลืมชั่วคราวที่ไม่ใช่อัลไซเมอร์แล้วละก็เมื่อเวลาผ่านไปครู่หนึ่งก็จะสามารถจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้แต่ว่าถ้าหากเป็นผู้ป่วยอัลไซเมอร์แล้วเขาจะจำไม่ได้เลย

สำหรับผู้ที่มีอาการป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์นั้น พวกเราจำเป็นที่จะต้องมีการดูแลเอาใจใส่ด้วยความใกล้ชิดเป็นพิเศษเพราะเหตุว่าผู้เจ็บป่วยกลุ่มนี้ชอบทำให้เป็นอันตรายได้ง่ายรวมทั้งบางทีอาจหายตัวออกมาจากบ้านได้ง่ายตามที่มีข่าวสารเกี่ยวกับคนหายออกมาเป็นประจำให้ช่วยตามหาซึ่งพอถามกับทางเครือญาติแล้วผู้ที่หายพวกนั้น

โดยมากชอบมีอาการป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์เมื่อออกมาจากบ้านรวมทั้งจะจำทางกลับไปอยู่บ้านมิได้ถ้าหากพวกเรารู้สึกว่าตนเองเริ่มมีลักษณะหลงลืมโดยลืมแล้วไม่อาจจะกลับมาหวนคิดได้หากไม่แน่ใจทดลองเข้าไปเจอแพทย์ให้ทางแพทย์กระทำการทดสอบว่าพวกเรากำลังมีอาการป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์อยู่ไหม

แล้วก็ถ้าตรวจเจอว่าเป็นโรคอัลไซเมอร์ก็ควรจะรีบรักษาอย่างเร่งด่วนควรจะมีการแจ้งคนภายในครอบครัวให้ทราบดีว่าพวกเราเป็นโรคนี้เพื่อที่คนที่อาศัยอยู่ในครอบครัวจะได้รอช่วยเลี้ยงดูช่วยเหลือสำหรับในการเตือนความจำให้กับพวกเราส่วนการดูแลและรักษานั้นทางแพทย์บางทีอาจจะทดลองรักษาตามอาการหรือการให้ทานยาและก็อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีการปรับพฤติกรรมการดำเนินชีวิตพวกเราเอง

 

สนับสนุนโดย  entaplay thailand

หมูกระทะเลิฟเวอร์ เสี่ยงอะไรบ้าง

สายหมูจุ่มหรือสายหมูกระทะเลิฟเวอร์ ปาร์ตี้ทุกเย็น หมูสามชั้นเอย ปลาหมึก กุ้งแม่น้ำ ไก่บาร์บีคิวเอย ปิ้งย่างนั่งล้อมวงกับเพื่อนๆ มื้อพิเศษแบบนี้นานทีมีได้ถือว่าเป็นการสังสรรค์ แต่ถ้ารับประทานหมูจุ่มหรือหมูกระทะแทบทุกวันหรือกินแทนข้าวเย็นเกือบทุกมื้อ ต้องระวังเพราะมันมีความเสี่ยงไม่ดีต่อสุขภาพ

หากรับประทานหมูกระทะในปริมาณมากและกินบ่อยจะเสี่ยงเกิดโรคอะไรได้บ้าง

อ้วน… พูดเบาๆก็เจ็บ จัดหมูกระทะทุกมื้อเสี่ยงเป็นโรคอ้วนเพราะส่วนใหญ่เราจะปิ้งหมูสามชั้นที่มีแต่ไขมัน ย่างอาหารทะเลที่มีแคลอรี่เยอะๆ สิ่งเหล่านี้หากรับประทานในปริมาณมากจะเกิดการสะสมในตัวจนกลายเป็นไขมันสะสมในร่างกายและอ้วนในที่สุด เจ้าโรคนี้ไม่ได้มาแค่ตัวเดียวมันยังพาพวกมาอีกเยอะเช่น เบาหวาน ความดันและไขมัน มากันเป็นซีรี่ย์ ดังนั้น ปิ้งย่างบ่อยๆโปรดระวังอ้วนและโรคพ่วงที่กำลังจะตามมา

หน้าเหี่ยวย่นแก่เกินไว…ขึ้นชื่อว่า “หมูกระทะ” แน่นอน เนื้อหมูต้องเป็นวัตถุดิบหลักแถมยังอาจมีน้ำอัดลมวางข้างๆและปิดท้ายด้วยขนมหวานเพื่อล้างปาก อาหารเหล่านี้ทำให้ใบหน้าและผิวหนังแก่ก่อนวัยอันควร เพราะอาหารที่เป็นเป็นโปรตีน เนื้อสัตว์รวมไปถึงอาหารเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลในปริมาณสูง เมื่อร่างกายได้รับในปริมาณมากจะสร้างสารที่ทำให้เซลล์ดูแก่และเสื่อมสภาพจนทำให้ผิวและใบหน้าดูแก่กว่าวัย ดังนั้นอาจจะอร่อยปากเวลารับประทานหมูกระทะแต่อาจทำให้คุณดูแก่ลงโดยไม่รู้ตัว

มะเร็ง…เป็นภัยเงียบที่มาพร้อมกับหมูกระทะ ยิ่งปิ้งย่างจนกระทะไหม้ไล่ถึงดำด้วยแล้วหละก็จะมีสารก่อมะเร็งเพียบไปหมด หากรับประทานหมูย่างหรือหมูสามชั้นปิ้งแบบเกรียมๆบ่อยๆ ตรงบริเวณที่มันไหม้จะมีสารก่อมะเร็ง ยิ่งกินเข้าไปเยอะและบ่อยจะสะสมในร่างกายและอาจนำไปสู่โรคมะเร็งได้ อีกอย่างอาหารบางชนิดในร้านหมูกระทะจะมีการผสมสารกันบูดหรืออาจมีสารก่อมะเร็งตกค้างอยู่ด้วย ดังนั้นต้องระวัง

กินบ่อยๆเสี่ยงทำให้เงินในกระเป๋าหมดก่อนสินเดือน ราคาค่าหมูกระทะในแต่ละมื้ออยู่ราวๆ 200-250 บาทยิ่งถ้ามีทะเลบวกเข้ามาด้วยราคาก็เพิ่มขึ้นตาม ถ้ากินเดือนละครั้งคงไม่มีปัญหาแต่ดันกินทุกวันนี้สิต้องคิดให้ดีเพราะค่าครองชีพของคุณแต่ละเดือนจะสูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทั้งหมดนี้คือความเสี่ยงที่เกิดจากการกินหมูกระทะบ่อยๆ ไม่ได้ห้ามกินเลยแต่ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อจะได้เซฟร่างกายและเซฟเงินในกระเป๋าคุณไปในเวลาเดียวกัน 

 

สนับสนุนโดย  entaplay ดี ไหม

ทำไมต้องกินผักและผลไม้

ตั้งแต่เด็ก พ่อและแม่ชอบกวดขันให้กินผักและผลไม้ในทุกๆมื้ออาหาร  ข้าวผัดก็ต้องมีคะน้าเขียวๆขมๆแทรกมาตลอด ผักนี้ก็ขมจนไม่รู้จะขมไปถึงไหน ผลไม้นี้ดีขึ้นมาหน่อยยังพอมีรสชาติหวานๆน่ารับประทานอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้จะชอบกินไปซะทุกอย่าง เคยแอบสงสัยกันหรือไม่ว่า “ทำไมเราต้องกินผักและผลไม้ด้วย มันมีผลดีอย่างไรกับร่างกาย” 

ผักและผลไม้เป็นแหล่งสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกาย ผักใบเขียวเช่นคะน้า ผักโขม กว้างตุ้ง เป็นต้น ในผักเหล่านี้จะมีวิตามินอีช่วยต้านอนุมูลอิสระ แถมยังช่วยบำรุงสมองและหัวใจ ประกอบกับมีวิตามินอีกหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ผักใบเขียวสามารถหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดและมีราคาถูกกำนึงก็ไม่กี่บาทเอง ลองหาซื้อมาทำอาหารก็จะช่วยให้ฝึกกินผักได้ง่ายขึ้น 

ในผักและผลไม้จะมีเส้นใยหรือไฟเบอร์เป็นองค์ประกอบในปริมาณสูง เจ้าเส้นใยพวกนี้ช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายและดูดซึมสารพิษที่ตกค้างในลำไส้ เส้นใยเหล่านี้จะไม่ถูกย่อยในระบบทางเดินอาหารจึงจะกลายมาเป็นตัวกระตุ้นให้ขับถ่ายได้สะดวก ตื่นเช้าขึ้นมาจะขับถ่ายกันปรู๊ดปร๊าดเลยทีเดียว และอีกอย่างเจ้าไฟเบอร์จะช่วยทำให้ท้องไม่ผูกได้อีกด้วย

ผักและผลไม้ ช่วยขัดฟันและทำความสะอาดฟัน ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคฟันผุได้ด้วย เพราะในอาหารพวกนี้จะมีเส้นใยปริมาณสูง เมื่อเราเคี้ยวผักและผลไม้ เจ้าเส้นใยจะทำหน้าที่คล้ายแปรงสีฟันคอยขัดฟัน ทำความสะอาดตัวฟันอยู่ตลอดเวลา มีการทดลองให้เด็กกินขนมหวานที่ติดฟันจนเป็นคราบชัดเจนที่ตัวฟัน หลังจากนั้นให้เด็กรับประทานผลไม้เช่น แอปเปิ้ลหรือไม่ก็เป็นฝรั่ง ให้เด็กเคี้ยวสักพักหนึ่งแล้วอ้าปากกว้างให้ดูพบว่า “ไม่พบคราบขนมหวานหรือพบในปริมาณที่น้อยลง” ดังนั้นจะเห็นได้ว่า การรับประทานผักและผลไม้จะช่วยกำจัดน้ำตาลส่วนเกินที่อยู่ในปากออกไปได้มากซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคฟันผุได้มากเลยทีเดียว

ผักและผลไม้เป็นวัตถุดิบที่ราคาถูกแต่มีประโยชน์เกินราคา สิ่งที่ยากลำบากในการกินผักคือ รสชาติที่ไม่ค่อยถูกปากนัก รสขมอาจเกิดจากรสชาติเฉพาะตัวของผักชนิดนั้นๆหรืออาจเกิดจากการปรุงอาหาร สำหรับผลไม้จะมีรสขาติที่น่ารับประทานในตัวอยู่แล้ว ควรเลือกกินผลไม้ตามฤดูกาล เอาที่หวานน้อย อย่างทุเรียนเนี่ย น้ำตาลค่อนข้างสูง นานๆกินทีก็ไม่มีปัญหา 

ทำไมต้องกินผักและผลไม้ ตอบได้ง่ายๆเลยว่า “เพราะมันมีประโยชน์ จึงควรรับประทาน” กินอย่างพอเหมาะไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไปเพียงเท่านี้ก็ทำให้สุขภาพเราแข็งแรงแล้ว

 

สนับสนุนโดย  Alpha88 เครดิตฟรี

หากรู้สึกเหมือนจะมีไข้ ควรกินยากันไว้ก่อนจะดีไหมเอ่ย ?

 อย่างที่รู้รู้กันอยู่ว่าในช่วงนี้สภาพอากาศประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงมาก  ยิ่งมีปัญหาเกี่ยวกับฝุ่นละอองและควันพิษในอากาศมาก คนส่วนใหญ่ก็มักจะมีอาการเวียนหัว ปวดหัว เจ็บคอ ไอและจามกันมาก คนแก่หลายคนจึงมักจะบอกให้กินยาดักเอาไว้ก่อนเพื่อไม่ให้อาการแย่ลงไปยิ่งกว่าเดิม แต่มันจริงหรือเปล่าสำหรับคำบอกเล่าของคนแก่ และหากกินเข้าไปแล้วโดยที่เรายังไม่ได้เป็นอะไรมากจะส่งผลต่อร่างกายของเราหรือไม่ วันนี้เรามาหาคำตอบกันค่ะ

      อย่างที่เร่ารู้กันดีว่ายาพาราเซตามอล หรือยาไทลินอล  หรือแม้แต่ยาแก้ไขชนิดต่างต่างนั้นส่วนใหญ่จะมีคุณสมบัติที่จะช่วยลดอาการปวด ลดไข้ หรือลดการมีน้ำมูก แต่ได้เขียนเอาไว้ว่ากินแล้วจะช่วยป้องกันไม่ให้ป่วยได้ ดังนั้นการที่เรากินยาเหล่านี้เข้าไปโดยที่เราไม่ได้มีอาการป่วยจะไม่ส่งผลอะไรกับการร่างกายที่จะเป็นการช่วยให้ไม่ให้เป็นไข้ได้

มันจะช่วยได้ก็ต่อเมื่อ เราปวดหัวแล้วกินยาลดอาการปวดหัวนั่นคือสิ่งที่ถูกต้อง แต่การที่เรายังไม่ปวดหัวแล้วกินเข้าไปก่อนจะไม่สามารถป้องกันการปวดหัวได้ และอย่างที่เราทราบกันดีกว่าการกินยามากมากจะมีผลเสียต่อตับของเราเพราะต้องทำงานหนัก

ดังนั้นเราจึงไม่ควรที่จะกินยาสำหรับเพื่อป้องกันการเกิดโรค เพราะโดยปกติแล้วยาทุกประเภทจะมีการระบุเอาไว้ชัดเจนว่าไม่ควรกินว่าละไม่เกินกี่มิลลิกรัมหรือ ไม่ควรกินติดต่อกันกี่วันต่อเนื่องเพราะจะส่งผลให้ตับทุกทำลายได้ มีผลต่อการเสียชีวิตได้เช่นกัน ดังนั้น เราจึงไม่ควรที่จะกินยาดักโรค แต่ควรให้เกิดโรคก่อนแล้วจึงค่อยกินยาเพื่อรักษา

และทางที่ดีเราควรจะดูแลร่างกายของตัวเราเองให้แข็งแรงจะได้ไม่ต้องกินยาใดใดเลย และในการดูแลตัวเองให้ดีที่สุดเมื่อเราเริ่มรู้สึกว่าเราเหมือนจะป่วยนั้นเราลองมาทำสิ่งต่อไปนี้แทนการกินยาดักจะดีที่สุดนั้นก็คือ ดื่มน้ำเยอะเยอะ โดยน้ำที่ดื่มควรเป็นน้ำเปล่าที่อุณหภูมิห้องหรือน้ำอุ่นแทนน้ำเย็นจะดีที่สุด

ซึ่งการดื่มน้ำจะช่วยลดอุณหภูมิความร้อนในร่างกายได้รวมถึงหากมีอาการเจ็บคอ หรือมีน้ำมูกก็จะช่วยลดการเจ็บคอและขับเสมหะออกมาจากคอได้เช่นกัน และเรายังสามารถกินวิตามินซี  ที่จะช่วยเสริมภูมิต้านทานให้กับร่างกายเราเพื่อเอาไปต่อสู้กับโรคหวัดได้ด้วย และสิ่งที่สำคัญทีขาดไม่ได้เลยก็คือ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

 

 

สนับสนุนโดย  entaplay

ลดน้ำหนักได้ง่ายๆ ไม่เครียด แค่รู้ 5 เคล็ดลับนี้ !!

การลดน้ำหนัก นั้นเป็นเรื่องที่หลายคนมองว่าทำยากเหลือเกิน ลดน้ำหนักอย่างไรให้ลงดีนะ ทั้งคุมอาหาร ทั้งออกกำลังกายก็แล้ว หรือ เราทำอะไรผิดหรือเปล่านะ ทำไมลดมาสักพักแล้วไม่ลงสักที ไขมันในร่างกายก็ไม่ได้น้อยลงไปเลย หรือ ตัวเราจะไม่มีวันผอมได้นะ… วันนี้เรามีเคล็ดลับดีๆที่จะมมาฝากเพื่อนๆกันละ รับรองรู้เคล็ดลับนี้แล้ว เรื่องการลดน้ำหนักจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แถมลดน้ำหนักคราวนี้ น้ำหนักลงชัวร์ ไม่เครียด อีกด้วย เราไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

อย่าคิดจะอดอาหารนะ 

เพื่อนๆหรือใครๆหลายๆคนที่กำลังลดน้ำหนัก ชอบคิดว่าการอดอาหารหรือกินอาหารใหเน้อยจะทำให้ผอมเร็ว ซึ่งนั้นเป็นความคิดที่ผิดมากเลย ที่อดอาหาร การที่เพื่อนๆยิ่งอดอาหารนั้นยิ่งทำให้ร่างกายขาดสารอาหารและทำให้ร่างกายคิดว่าเรากำลังลจะตาย ร่างกายจะยิ่งเก็บสะสมไขมันไว้ ไม่ยอมเผาผลาญมันออกมานะ 

เลือกอาหารที่ดี พอเหมาะในแต่ละวัน 

การที่เพื่อนๆ จะลดน้ำหนัก สิ่งที่จะทำให้เพื่อนๆลดน้ำหนักได้เร็วและดีนั้น คือการเลือกกินดีนั้นเอง เพื่อนๆเคยได้ยินหรือไม่ว่าการลดน้ำหนักนั้น การกินมีผล 70 เปอร์เซ็นต์ และ ออกกำลังกายอีก 30 เปอร์เซ็นต์ นั้นเอง ซึ่งนั้นก็คือหากเพื่อนๆเลือกกินดี อย่างกินคาร์โบไฮเดรตดี โปรตีนดีและไขมันดี ยกตัวอย่าง ข้าวกล้อง และ อกไก่ คู่กับสลัดผักอะโวคาโด เพื่อนๆจะสารอาหารที่ดีและช่วยลดน้ำหนักได้เร็วขึ้นด้วย เมื่อทำคู่กับการออกกำลังกาย 

ออกกำลังกายเป็นประจำดีที่สุด

อีกเคล็ดลับที่สำคัญในการลดน้ำหนัก นั้นก็คือการที่เพื่อนๆออกกำลังกายนั้นเอง เพราะว่าการออกกำลังกายไม่ว่าจะเป็นการเวทเทรนนิ่ง หรือ การคาร์ดิโอ จะช่วยให้ลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น อย่างการเวทเทรนนิ่ง คือการเพิ่มกล้ามเนื้อให้กับร่างกายและในขณะเดียวกัน การคาร์ดิโอ คือการเบิร์นไขมัน หรือ เผาผลาญไขมันเก่าในร่างกายเรายนั้นแอง

ต้องเลิกตามใจปากนะ 

การที่เพื่อนๆจะลดน้ำหนักให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ เค็ดลับอีกอย่างที่สำคัญมากคือ ต้องเลิกตามใจปากนะ เพราะมีหลายๆคนเลยทีเดียวท พยายามลดน้ำหนัก แต่สุดท้ายมาตายเพราะตามใจปาก บางคนตามใจปาก โดยเลือกกิน เค้ก ขนม กาแฟใส่น้ำนม น้ำหวานต่างๆ ซึ่งมันจะทำให้ร่างกายอ้วนมากๆ เพราะฉะนั้นเลิกเถอะ

การดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ ช่วยให้ลดน้ำหนักเร็วขึ้น

เคล็ดลับการดื่มน้ำเยอะๆ นั้นก็คือการที่เราดื่มน้ำเยอะๆให้กับร่างกาย ร่างกายจะสามารถเผาผลาญพลังงานได้ดียิ่งขึ้นนั้นเอง ดั้งนั้นเพื่อนๆ ควรดื่มน้ำ 8 แก้วต่อวันนะ 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  ทางเข้าsagame

วิธีเกร็งกล้ามเนื้อ เพื่อลดความเครียด

หลายๆ คนอ่านแล้วคงสงสัยว่า เข้าใจอะไรผิด หรือเขียนผิดหรือเปล่า ทำไมถึงบอกว่า เกร็งกล้ามเนื้อเพื่อลดความเครียด เพราะเท่าๆที่รู้มา ทุกคนต่างรู้อยู่แล้วว่าเมื่อเกิดความเครียดนั้น ร่างกายของคนเราในส่วนของกล้ามเนื้อจะมีการหดและเกร็งตัวได้ในหลายๆ จุด ซึ่งอาจจะมีปัจจัยประกอบด้วยเรื่องของท่าทางด้วย

ซึ่งสิ่งที่ตามมาจากนั้นก็จะเกิดอาการปวดเมื่อย คอ บ่า ไหล่ ก็แล้วแต่สรีระร่างกายของคน บางคนอาการหนักปวดหัวขึ้นสมองก็มี ด้วยความที่กล้ามเนื้อตัวมากจนทำให้เส้นต่างๆ ในร่างกายหด และปวดได้ แต่ในประเทศอเมริกานั้นได้มีการคิดค้น หลักสูตร PMR ขึ้นมา ซึ่งมันคือ วิธีการเกร็งกล้ามเนื้อเพื่อคลายเครียดและคลาดวิตกกังวล

ซึ่งเปรียบเสมือนการบำบัดร่างกายและจิตใจของเรานั้นเอง โดยปี 1930 แพทย์ชาวอเมริกัน ที่ชื่อว่า Edmund Jacobson ใช้วิธีการนี้เป็นหลักการตั้งใจการเกร็งกลุ่มกล้ามเนื้อมัดใหญ่แล้วค่อยๆ ผ่อนคลายให้สอดคล้องกับการหายใจ เพื่อปล่อยสร้างลดความเครียดออกมา ซึ่งเมื่อหลายๆคนอ่านถึงตรงนี้แล้วอาจจะสงสัยว่าและวิธีการนี้เค้าทำกันอย่างไร ซึ่งเพียงแค่คุณนั้น ทำตามนี้คือ

เลือกสถานที่และเวลาที่เหมาะสมให้คุณนั่งแบบสติและไร้สิ่งรบกวนคุณได้ และท่านั่งนั้นควรจะต้องเป็นท่านั่งที่ผ่อนคลายฝึกลมหายใจเข้าออก โดยเริ่มหายใจเข้าสักห้าวินาที พร้อมกับการค่อยหดเกร็งกล้ามเนื้อทีละจุด เช่น กลุ่ม คอ บ่า ไหล่ แล้วคลายออกพร้อมกับลมหายใจออกสักสิบวินาที ซึ่งพยายามที่จะรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายสัก ห้าถึงสิบนาที

ก่อนที่จะเริ่มทำ PMR กับกล้ามเนื้อกลุ่มใหม่ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มกล้ามเนื้อหลัง กลุ่มกล้ามเนื้อแขน และกลุ่มกล้ามเนื้อสะโพก หรือกลุ่มกล้ามเนื้อส่วนขา ซึ่งควรทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย สองถึงสามอาทิตย์

ซึ่งประโยชน์ที่จะได้รับจากการทำ PMR นั้น (ย่อมาจาก Progressive Muscle Relaxation) จะช่วยให้คุณมีการหลับนอนที่ดีขึ้น และจิตใจมีความสงบและปล่อยวางจากความคิดต่างๆ และที่สำคัญยังช่วยการลดอาการปวดตึงของกล้ามเนื้อ หรืออาการหายใจตื้นและเร็ว หัวใจสั่นได้อีกด้วย ซึ่งเป็นวิธีการคลายความเครียด โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายๆใดเลยด้วยซ้ำ

ซึ่งถ้าหากตอนนี้ใครมีปัญหาจากความเครียด หรือแม้แต่ผลต่อเนื่องจากความเครียดแล้วทำให้ร่างกายตึงและปวดเมื่อยกล้ามเนื้อนั้น ซึ่งส่วนใหญ่คนเราจะเริ่มปวดคอ บ่า ไหล่และต้นคอ ก็ลองนำวิธีนี้ไปลองใช้กันดู ซึ่งหากทำเป็นประจำสักสองถึงสามสัปดาห์ขึ้นไปนั้นก็จะเริ่มผลที่ดีขึ้น โดยช่วงแรกอาจจะยากสักหน่อยสำหรับการแบ่งส่วนที่ต้องเกร็ง แต่หากทำไปเรื่อยๆ ก็ชิน และคล่องเอง

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  sagame

ลดน้ำหนักยังไงให้ไม่โทรมกันนะ 

การที่บางคนเคร่งครัดที่จะลดน้ำหนัก ตั้งใจอดอาหารจริงจัง ออกกำลังกายหนักหน่วง แต่กลับมาส่องกระจกดูตัวเองอีกที ทำไมถึงดูโทรมแบบนี้ ทำไมการที่เราลดน้ำหนักแล้วหน้าและร่างกายกลับดูโทรมแทนที่จะดูแข็งแรงและสดชื่น วันนี้เรามีเทคนิคดีๆมาฝากกันค่ะ 

เทคนิคที่ 1 : จดบันทึกอาหารที่เรากินในทุกวัน

การที่คุณลดน้ำหนักอยู่นั้น สิ่งที่สำคัญอย่างแรกที่คุณต้องใส่ใจกับมัน คือ อาหารที่คุณจะเลือกกินในแต่ละมื้อ และในแต่ละวัน เพราะมันจะเป็นตัวกำหนดได้ว่าคุณลดน้ำหนักได้ดีต่อร่างกายคุณหรือไม่ 

ยกตัวอย่าง คุณอาจจะกินน้อย ไม่เกินแคลอรี แต่กินแต่ โดนัท หรือ พิซซ่า คุณกินไม่เกินแคลอรีก็จริงแต่คุณคงไม่ได้คำนึงละสิว่าอาหารที่คุณกินเป็นผลเสียต่อร่างกายคุณ เพราะฉะนั้นฝึกนิสัยในการจดบันทึกอาหารที่เรากินในแต่ละมื้อในทุกๆวันดูสิ มันจะทำให้คุณใส่ใจกับอาหารคุณมากขึ้นเพราะคุณจะต้องคิดและจดบันทึกว่าวันๆหนึ่งคุณกินอะไรเข้าไปบ้าง และคุณเองก็คงไม่อยากจะมาเจอในหน้าบันทึกของคุณว่า วันนี้กินโดนัท วันนี้กินชานมไขมุก วันนี้กิน พิซซ่า แค่คุณอ่านมันคุณก็รู้แล้วว่าคุณเลือกกินอาหารผิดๆมาโดยตลอด 

เทคนิคที่ 2 : ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการกินของเรา

ปรับเปลี่ยนการกินโดยการที่คุณเลือกอาหารดีๆเข้าปากสิ อย่างที่ได้บอกไปก่อนหน้านี้แล้ว คุณลองเลือกกินอาหารแคลอรีไม่เยอะแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพดูสิทั้งอิ่มท้องและมีประโยชน์ในเวลาเดียวกันไม่ดีกว่าหรอ อาหารที่ดีจะไม่กลับมาทำร้ายร่างกายคุณอย่างแน่นอน วันนี้คุณลองกิน สเต็กปลาสักชิ้น คู่กับสลัดผัดสด ดูสิ รับรอง คุณจะเปลี่ยนใจและอยากเปลี่ยนพฤติกรรมการกินที่ผ่านมาของคุณอย่างแน่นอน เพราะดีกว่าการที่คุณ เลือกกิน Fish & Chips ถึงเมนูนี้จะเป็นปลาเหมือนกัน แต่ผลดีกับร่างกายไม่เหมือนกันนะ 

วันนี้ที่เราเอาเทคนิคง่ายๆที่จะทำให้ช่วงที่คุณลดน้ำหนัก จะได้ไม่ต้องโทรมอีกต่อไปมาฝาก หวังว่าคุณเองจะนำไปลองใช้ดูนะ เพราะถ้าคุณยังไม่สนใจในสิ่งที่คุณจะเลือกกิน หรือ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินของตัวเอง ถึงลดน้ำหนักอย่างไร ร่างกายคุณก็โทรมอยู่ดี เพราะฉะนั้นการลดน้ำหนักของคุณ คุณควรที่จะดูแลร่างกายคุณให้ยังคงแข็งแรงและดูดีอยู่เหมือนก่อนลดด้วยเช่นกัน ไม่ใช่ยิ่งลดแล้วยิ่งโทรม เพราะสุดท้ายถ้าคุณกลับมาส่องกระจก หน้าและร่างกายของคุณดูโทรม แล้วแบบนี้คุณจะลดน้ำหนักไปทำไมกันละ!

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  bk8

อาการของริดสีดวงทวารมันเป็นอย่างไร

สำหรับริดสีดวงทวารเราจะต้องรู้ก่อนเลยว่าชนิดของริดสีดวงทวารมีอยู่สองอย่างใหญ่ๆเขาเรียกว่า ริดสีดวงทวารภายนอก และ ริดสีดวงทวารภายใน 

ถ้าริดสีดวงทวาร ถ้าเป็นริดสีดวงทวารมักจะมาด้วยอาการเจ็บมากกว่าถ้าคุณรองนึกถึงโฆษณาเก่าๆแบบไม่นั่งฉันไม่อยากนั่งก็เพราะว่ามันเจ็บ ซึ่งเรียกว่า ริดสีดวงภายนอกอักเสบซึ่งตรงนี้มันเป็นอาการที่เจ็บมากแบบเจ็บมากคือมันไม่อยากจะขยับตัวไปไหนเพราะว่ามันทรมานมากและอีกอันหนึ่งก็คือริดสีดวงทวารภายในอันนี้มันไม่ได้มาด้วยอาการเจ็บแต่ส่วนใหญ่มันจะมาด้วยอาการเลือดไหลหรือว่ามันได้มีเลือดเคลือบมากับก้อนอุจจาระนั้นเอง

และถ้าเป็นมากๆอยู่ดีๆคุณจะกำก้อนที่ยืดออกมาได้เป็นถุงๆเลยและในบางครั้งถ้ามันเป็นมากจนถึงจุดจริงๆไอก้อนถุงที่มันได้ยืดออกจากรูทวารของคุณมันไม่สามารถที่จะดันเข้ากลับไปได้และมันเน่าจนติดเชื่ออักเสบและบางคนเป็นถึงขั้นเสียชีวิตมันก็มีมาแล้วซึ่งริดสีดวงทวารนั้นมันเป็นสิ่งที่ทุกคนนั้นจะต้องระวังเป็นอย่างดีทีนี่เราก็ได้รู้จักชนิดของริดสีดวงทวารและอาการนำไปแล้วจากนั้นเรามาดูริดสีดวงที่ ภายนอกกันก่อน

สำหรับริดสีดวงภายนอกเด่นๆเลยก็คือเรื่องของอาการปวดก้นเวลาที่เรานั้นไปคำตรงที่รูก้นของเรามันก็จะมีติ่งเล็กๆมาก่อนและไม่เจ็บแล้วอยู่ๆดีๆเจ้าติ่งตรงนี้มันอักเสบแล้วมันได้เจ็บขึ้นมาแบบนี้จะเรียกว่าเป็นริดสีดวงทวารภายนอกการรักษาโดยส่วนใหญ่ถ้าคุณจะรักษาด้วยตนเองถามว่าได้หรือไม่บอกว่าได้ โดยการรักษาด้วยตนเองแบบเบื้องต้นถ้าไม่ได้เจ็บปวดอะไรมา

อันดับแรกให้นำเอาก้นของคุณลงไปแช่น้ำอุ่นหลังจากที่คุณขับถ่ายเสร็จแล้วให้เอาก้นของคุณไปแช่น้ำอุ่นสักประมาณ15นาทีทำเช้ากลางวันเย็น ส่วนที่สองก็คือยาเหน็บยาเหน็บตามร้านขายยาทั่วไปมีขายก็คือเอายาเหน็บเข้าไปและข้อแนะนำของการเหน็บยาพวกนี้ถ้าเหน็บเองให้คุณเหน็บยาก่อนนอนเพราะถ้าหากว่าคุณนั้น

เอาไปเหน็บในตอนกลางวันคุณเดินไปมามันก็จะหล่นลงมาคือให้คุณเหน็บเอาไว้แล้วก็นอนเลยเพื่อให้ยามันออกพิษและทำให้ยาเหน็บมันได้ลดบวมลงและนี่ก็คืออันที่สอง ส่วนที่สามมันก็คือยาเม็ดที่ซื้อเอามารับประทานแล้วริดสีดวงมันจะดีขึ้น ซึ่งมันก็จะมียาเม็ดอยู่หลายชนิดหลายยี่ห้อทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าคุณรักษาตัวเองแล้ว5-7วันมันยังไม่ดีขึ้นก็ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  bk8