ยาลดไขมันรู้ไว้ปลอดภัยกว่า

ซึ่งเราจะมาให้ความรู้เกี่ยวกับคอเลสเตอรอลว่าเมื่อไหร่ที่คุณจำเป็นที่จะต้องรับประทานยาแน่ๆหมายความว่าคุณหมอจะแนะนำว่าจะต้องรับประทานยาเพราะว่าในตอนนี้มักจะสับสนกันว่าคอเลสเตอรอลสูงสรุปแล้วมันจำเป้นที่จะต้องรับประทานยาหรือเปล่าแบบนี้ตัวเลขเท่าไหร่ถึงจะทานยาและบางคนกินยาเข้าไปแล้วก็มีผลแทรกซ้อนได้ยินมามันค่อนข้างที่จะน่ากลัวไม่ขอกินยาได้ไหม

นอกจากนี้เราก็จะมาบอกว่าเมื่อไหร่แล้วที่จะแนะนำมากๆที่จะให้กินยามีอยู่ด้วยกันแบบเน้นๆไปเลยคือเมื่อก่อนสักประมาณปี2013มันก็ได้มีไกด์ไลน์ออกมาหรือข้อแนะนำว่าถ้าคอเลสเตอรอลมากกว่า200และตัวLDLคอเลสเตอรอลตัวที่นิสัยไม่ดีมากกว่า100แนะนำใหกินยาแล้วเพื่อลดระดับไขมันที่อยู่ในเลือด

ดังนั้นในตัวยาลดระดับไขมันในเลือดมันก็จะมีผลแทรกซ้อนต่างๆมากบ้างน้อยบ้างตามแต่ละคนตามแต่ละท่านเพราะฉะนั้นหลังๆแล้วนี่เขาก็จะพยามให้คุณกินยาเพื่อลดลงและจะต้องได้ผลมากที่สุดและเหมาะสมที่สุดไม่ใช่ว่ากินยาไปเรื่อยเราไม่จำเป็นต้องกินก็ไม่ต้องกิน

เนื่องจากนี้ก็ได้มีการสรุปผลออกมาล่าสุดในปี2018ได้มีการประชุมเอาคนนั้นมาประชุมเยอะแยะมากมายเขาก็ได้แบ่งออกมาที่มีความเสี่ยงสูงที่เราควรจะแนะนำว่าจะต้องกินยาเลยและลองดูว่าถ้าคุณเป็นคนในกลุ่มนี้แล้วยังไม่ได้รับยาอาจจะต้องปรึกษาแพทย์ประจำตัวดูว่าแบบนี้มันน่ากลัวพอหรือยังหรือว่ามันมีลายละเอียดอะไรบ้างที่มีความจำเป้นที่จะต้องกินยาแล้ว

เพราะฉะนั้นแล้วคุณมีประวัตโรคหลอดเลือดต่างๆไม่ว่าจะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเจ็บหน้าอกเล็กน้อยเจ็บหน้าอกมากแต่ได้รับการตรวจว่าหน้าจะเกี่ยวกับโรคโรคหัวใจและอันต่อมาคุณมีโรคหลอดเลือดสมองเคยปากเบี้ยวมือชามือขยับไม่ได้น้ำลายไหลแบบนี้เขาเรียกว่าเป็นแปปเดียวแล้วหายอยู่จริงๆตามืดบอดแล้วก็กลับมามองเห็นได้แบบนี้อาจจะต้องแนะนำให้กินยาในกลุ่มขอลดไขมันในเส้นเลือดหรือว่ากลุ่มที่ควรผ่าตัดรักษาหลอดเลือดต่างๆตามตัวตามร่างกายที่เกิดจากหลอดเลือดอุดตัน

ซึ่งเราขอแนะนำว่าให้คุณกินยาดไขมันในเส้นเลือดถ้าตัวไขมันไม่ดีตัวLDLเหล่านั้นไม่ดีมากกว่า70และมีอาการหรือว่ามีโรคที่เราได้กล่าวไปข้างต้นแล้วคุณควรที่จะรับประทานยาลดไขมันในเส้นเลือดที่นี้เรามาดูต่อก็จะเป็นตัวของไขมันไม่ดีLDLที่มันมากกว่า190แนะนำให้กินยาลดไขมันในเส้นเลือดเราจะได้ประโยชน์มากกว่าโทษของมันที่เป็นอะไรเล็กๆน้อยๆจะได้ประโยชน์มากกว่า

 

สนับสนุนโดย  918kiss ฝากขั้นต่ำ50บาท

เคล็ดลับลดน้ำหนักสำหรับคนมีน้ำหนักเยอะ

ก่อนอื่นเราขอพูดให้ฟังก่อนรางกายของคนเรามีอยู่2ระบบด้วยกันหนึ่งคือร่างกายของคนใช้น้ำตาลสองร่างกายคนใช้ไขมัน แต่มันได้มีหลักอยู่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณมีน้ำตาลรับประทานอาหารจากภายนอกเข้าไปร่างกายของคุณจะใช้น้ำตาลก่อนจะยังไม่ใช้ไขมันปีนี้จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อร่างกายของคนมีน้ำตาลเข้าไปเยอะๆ

ซึ่งคุณลองนึกภาพตัวเองในตอนรับประทานของหวานเยอะๆกินอาหารที่เป็นแป้งเยอะๆเข้าไปพอระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นถ้าหากร่างกายของคนไม่ทำอะไรเลยมันจะเกิดอะไรขึ้นคุณก็อาจจะเป็นเบาหวานถูกต้องหรือไม่

เพราะว่าน้ำตาลของคุณสูงอยู่ตลอดเลยวิ่งไปเอาวัยวะไหนก็เสื่อมหมดวิ่งไปตาก็ตาเสื่อมวิ่งไปไต ไตของคุณก็จะเสื่อมเพราะฉะนั้นร่างกายของคุณก็จะปกป้องตัวเองด้วยการนำเอาน้ำตาลเหล่านั้นไปเก็บเป็นไขมันๆเพราะฉะนั้นแล้วในระหว่างทาง

ถ้าคุณไม่ได้เอาน้ำตาลไปเก็บเป็นไขมันก็จะเป็นเบาหวานเลยไม่พอเอาน้ำตาลไปเก็บเป็นไขมันคุณจะยังไม่เป็นเบาหวานแต่มันจะทำให้คุณอ้วนก่อนนี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่คนเป็นเบาหวานตอนที่โตแล้วมักจะอ้วนทุกคนเลย

เพราะว่าจะต้องแลกมาด้วยก่อนที่จะเป็นเบาหวานจะต้องเอาน้ำตาลไปสะสมเป็นไขมันจนวันหนึ่งวันเกิดเก็บสะสมไม่ไหวแล้วร่างกายไม่สามารถเอาน้ำตาลเหล่านั้นไปเปลี่ยนเป็นไขมันได้แล้วแล้วและร่างกายก็ต้องยอมให้ระดับน้ำตาลมันสูงขึ้นฉันยอมแล้วไม่สามารถทำหน้าที่เอาไปเก็บเป็นไขมันได้อีกต่อไปแล้วทุกคนเห็นภาพไหม

ดังนั้นเราบอกเลยว่าจริงๆแล้วสาเหตุที่เกิดจากเบาหวานมันเป็นแบบนี้สาเหตุที่อ้วนเกิดจากแบบนี้นะจะไม่ได้เกิดมาจากการรับประทานของมันของทอดแต่มันเกิดจากการที่คุณรับประทานแป้งเยอะทานจุกจิกรับประทานอยู่ตลอดเวลามันทำให้ร่างกายของคุณสูงอยู่ตลอดเวลา 

เมื่อวันหนึ่งร่างกายของคุณไม่สามารถช่วยเหลืออะไรคุณได้แล้วไม่สามารถเอาไปเก็บเป็นไขมันได้แล้วคุณหยุดอ้วนแล้วก็จริงแต่ว่าคุณจะเป็นโรคเบาหวานแทนเพราะฉะนั้นแล้วหากคุณเข้าใจในหลักตรงนี้บางคนก็เข้าใจว่าจะต้องทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงใช่ไหมและอะไรบ้างที่จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงได้บ้าง

เพราะฉะนั้นสิ่งที่ควรคุณจะนำเอาไปปรับใช้ได้โดยคืออะไรก็แล้วแต่ที่เป็นน้ำตาลพยายามลดออกให้มันหมดก่อนต่อให้ไม่ได้เป็นเบาหวานเพราะว่าอะไรแค่คุณมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงมันก็เปลี่ยนไปเป็นไขมันคุณก็อ้วนแล้วคุณจะต้องเปลี่ยนเครื่องดื่มทุกอย่างให้เป็นพวกที่ไม่มีน้ำตาลแทนตรงนี้คือจุดสำคัญเลยที่จะทำให้น้ำตาลสูงมากขึ้น

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    v9bet

อาการเบื้องต้นที่บ่งบอกว่าคุณเป็นโรคหัวใจ

สัญญาณที่จะเป็นตัวบ่งบอกว่าคุณเป็นโรคหัวใจขาดเลือดแล้วหรือยังก็คือ นอนราบไม่ได้ เมื่อหัวใจของเราได้ทำงานผิดปกติไปแล้วก็จะทำให้เวลาที่หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้น้อยลงเลือดก็จะล้มไปเรื่อยๆน้ำมันก็จะล้มไปเรื่อยๆทำให้น้ำไปท่วมปอดพอน้ำไปท่วมปอดแล้วเวลาเรานอนลงไปแล้วเราก็จะเหนื่อยมากขึ้นหรือว่าแน่นหน้าอกมากขึ้นจนทำให้เราต้องลุกขึ้นมานั่งพอนั่งแล้ว

อาการเหนื่อยมันก็จะดีขึ้นหากใครมีอาการเหล่านี้มันก็จะเป็นตัวบ่งบอกได้ว่าตัวของคุณนั้นอาจจะเป็นโรคหัวใจแล้วก็ได้คนยังเกิดข้อสงสัยเวลาไปโรงพยาบาลด้วยอาการเหนื่อยคุณหมอมักจะถามว่าเวลาที่คุณนอนจะหนุนหมอนกี่ใบ1-3ใบคำถามที่คุณหมอได้ถามไปนั้นก็เพื่อที่จะถามว่าเราสามารถนอนราบได้หรือเปล่า

ถ้าในอาทิตย์ก่อนเรายังหนุนหมอนใบเดียวแล้วอาทิตย์นี้หนุนเป็น 2 ใบอีกอาทิตย์นึงหนุนเป็น 3 ใบโดยจุดนี้ก็จะเป็นตัวบ่งบอกแล้วว่าน้ำอาจจะท่วมปอดของคุณแล้วก็เป็นได้บางคนอาจจะนอนราบไม่ได้ก็ต้องลุกขึ้นมานั่งแล้วฟุบลงไปกับโต๊ะถึงจะนอนหลับอันนี้ก็อาจจะเป็นตัวบ่งบอกว่าจะมีน้ำท่วมปอดจากโรคหัวใจที่ทำงานผิดปกติไป ดังนั้นถ้านอนราบไม่ได้และหนุนหมอนสูงขึ้นให้คนรีบมาโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาต่อไป

สัญญาณที่จะเป็นตัวบ่งบอกว่าคุณอาจจะเป็นโรคหัวใจแล้วก็ได้นั่นก็คือ ตื่นมาหอบกลางคืน ก็เป็นหลักการเดียวกับการที่นอนราบไม่ได้เวลาหัวใจของเราทำงานผิดปกติไปจะทำให้เลือดหรือว่าน้ำมันล้นเข้ามาที่ปอดของเราทำให้น้ำท่วมปอดเราใครที่นอนหลับไปแล้วแล้วตื่นขึ้นมามีอาการหอบช่วงตี1ตี 2 ตอนกลางคืนลุกขึ้นมา

เพื่อนั่งหอบตรงนี้ก็จะเป็นตัวบ่งบอกว่าคุณนั้นอาจจะเป็นโรคหัวใจแล้วก็ได้สำหรับใครที่เป็นโรคหอบหืดก็สามารถเป็นได้เช่นกันเวลานอนลงไปในช่วงกลางคืนก็อาจจะลุกขึ้นมาขึ้นมาหอบสำหรับใครที่เป็นโรคหอบหืดดังนั้นใครที่มีอาการผิดปกตินอนราบไม่ได้หรือว่าตื่นมาหอบให้รีบมาโรงพยาบาลก่อนเลยเพื่อทำการวินิจฉัยต่อไป

นอกจากนี้ก็ยังมีอาการใจสั่นใครที่มีอาการหัวใจเต้นสั่นแรงๆอันนี้ถือได้ว่าเป็นตัวบ่งบอกสัญญาณนึงถ้าคนอาจจะเป็นโรคหัวใจแล้วก็ได้อาจจะเกิดจากหัวใจขาดเลือดก็ได้ หัวใจวายก็ได้หรือว่าเกิดจากโรคไทรอยด์ก็ได้

สำหรับใครที่มีอาการใจสั่นนั่งพักแล้วยังมีอาการไม่ดีขึ้นไม่มีความรู้สึกเหมือนกับว่าจะวูบอย่างนี้ให้รีบไปโรงพยาบาลด่วนเลยเพื่อรีบทำการตรวจรักษาตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจและทำการวินิจฉัยเพื่อทำการรักษาต่อไป

 

สนับสนุนโดย    ole777

ตำนานผีBoogeumanมีตัวตนอยู่บนโลกจริงๆหรือเปล่า?

สำหรับเรื่องราวของผีBoogeumanที่ได้มีครอบครัวหนึ่งที่ได้พบเข้ากับBoogeumanนั่นก็คือลูกชายของครอบครัวนี้นั่นเองโดยลูกชายของครอบครัวนี้ตามบันทึกมีอายุประมาณ13-15ปีโดยเขาก็ไม่ได้มีความเชื่อในเรื่องภูติผีหรือวิญญาณแต่อย่างใดเลยและเขาเป็นเด็กค่อนข้างที่ดื้อรั้นมากๆ

โดยเวลาที่พ่อแม่ของเด็กคนนี้เขาเข้ามาเตือนอะไรก็แล้วเขาก็จะไม่ฟังอะไรเลยหรือแม้แต่ว่าพ่อแม่ของเขาเอาเรื่องผีBoogeumanที่เขาว่ากันว่าเป้นตำนานเขากลับใชมันไม่ได้ผลแล้วลูกของเขาถึงขั้นที่ว่าตระโกนท้าทายเรียกผีBoogeumanโผล่ออกมาให้เขาได้เห็นอยู่ต่อหน้าต่อตาเขาทีเขาอยากเจอมากๆเลย

ซึ่งหลังจากที่ได้มีการท้าทายไปและในคืนนั้นเองเหตุการประหลาดมันก็ได้เกิดขึ้นอย่างทันทีเลยเนื่องจากว่าคุณพ่อคุณแม่ของเด็กคนนี้เขาจะต้องออกไปงานเลี้ยงฉลองสังสรรค์ในตอนกลางคืนเขาจึงจำเป็นที่จะต้องอยู่เฝ้าบ้านและอยู่นอนที่บ้านเพียงคนเดียว

ดังนั้นในขณะที่เขากำลังจะนอนทุกๆอย่างเหตุการณ์มันปกติหมดเลยแต่หลังจากที่เด็กชายคนี้ได้เริ่มล้มตัวลงนอนแล้วค่อยๆโพรเพนกำลังจะหลับอยู่ดีๆเขากลับได้ยินเสียงคนแก่หายใจอยู่ไกลๆเมื่อเขาฟังไปฟังมาตอนแรกเขาก็คิดว่าเขาอาจจะจินตนาการไปเองแต่เสียงนั้นมันกลับดังขึ้นๆเรื่อยๆ

นอกจากนี้เด็กคนนั้นเขาก็ไม่ได้กลัวผีและเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมันอาจจะเป้นเสียงอะไรก็ได้เขาก็ลืมตาขึ้นมาทั้งสองลูกตาเลยปรากฏว่าสิ่งที่เขานั้นได้เห็นมันเป็นเงาดำที่กำลังนั่งมองเขาอยู่และเงาดำๆตรงนั้นมันลูกตาเป็นสีแดงที่มันกำลังจ้องมองเขาอยุ่ด้วย

ซึ่งในตอนนั้นเองเด็กเขาก็คิดว่าคุณพ่อคุณแม่อาจจะแกล้งเขาหรือว่าพ่อแม่เขาอาจจะลงโทษเขาก็ได้เขาก็ได้พูดออกมาว่าพ่อแม่อย่ามาทำอะไรอย่างนี้จะออกไปข้างนอกก็ไปไม่ใช่มาแกล้งกันหลอกกันอะไรแบบนี้ผมไม่เชื่อหลอกปรากฏว่าหลังจากที่สิ้นเสียงคำพูดนั้น

สิ่งที่มันเกิดขึ้นนั่นก็คือเงาดำๆที่มีลูกตาสีแดงนั้นมันก็ได้เริ่มลุกขึ้นแล้วมีส่วนสูงที่มากขึ้นจากปกติที่นั่งอยู่อยู่ดีๆตัวก็ได้ยึดยาวๆไปจนถึงเกือบเพดานและเด็กคนนั้นที่ได้เห็นเงาตนนี้ลุกขึ้นมายืนให้เห็นเด็กคนนั้นเขาก็รู้แล้วว่าจะต้องไม่ใช่พ่อและแม่ของเขาอย่างแน่นอนแต่มันเป็นอะไรก็ไม่รู้ที่เขาไม่สามารถที่จะบรรยายได้

 

สนับสนุนโดย    918kiss ทรูวอเลท ไม่มีขั้นต่ำ

ความรู้ในการทำIFเพื่อลดเบาหวาน

เมื่อคุณทำIFและก็เช็คน้ำตาลด้วยตัวเองเมื่อน้ำตาลลดลงเบาหวานดีขึ้นน้ำตาลอยู่ประมาณหนึ่ง100/120ไม่เกินนี้คุณก็สามารถที่จะถอยยาลงมาได้หรืออีกอย่างหนึ่งถ้าหากว่าคุณมียาในตอนมื้อเย็นแต่ทีนี้คุณจะทานแค่ตอนเช้ากับตอนกลางวันอย่างเช่นคุณจะทำIF 20/4 แล้วเลือกที่จะรับประทานอาหารในช่วงเช้าก็อย่างเช่น9โมงและอีกมื้อหนึ่งก็คือตอนบ่ายโมงแล้วคุณเคยได้ยาตอนเย็นอยู่แต่ว่าตอนเย็นคุณไม่ได้ทานอาหาร

เพราะฉะนั้นแล้วในมื้อเย็นคุณก็ไม่ต้องรับประทานยาถ้าเกิดว่าคุณไม่ได้ทานอาหารแล้วไปกินยาโอกาสที่น้ำตาลต่ำในช่วงกลางคืนมันมีอยู่สูงแต่ในทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่สำคัญก็คือคุณจะต้องเช็คน้ำตาลปลายนิ้วด้วยตัวเองถ้าเกิดปรับIFแล้วปรับยาลดลงแล้วและน้ำตาลมันไม่ขึ้นก็แปลว่าคุณไม่จำเป็นที่จะต้องรับประทานยาตัวนี้แล้ว

นอกจากนี้ถ้าน้ำตาลยังสูงอยู่แนะนำว่าให้ใช้ยาไปก่อนแล้วพอเวลาที่เราทำIFไปเรื่อยๆน้ำตาลมันก็จะเริ่มดีขึ้นเนื่องจากภาวะดื้ออินซูลินที่เป็นสาเหตุของโรคก็ค่อยๆน้อยลงปกติแล้วในคนไข้ที่เราดูแลอยู่เราก็จะดูค่าน้ำตาลสะสมร่วมด้วยถ้าเกิดว่าลดลงเหลือประมาณไม่เกิน6.5เราก็จะให้หยุดยาหมดแล้ว

เนื่องจากนี้คุณก็จะต้องปฏิบัติให้อย่างถูกต้องด้วยก็คือการปรับลดคาร์โบไฮเดรตลงการทำIFอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอร่วมกับการออกกำลังกายไปด้วยแล้วพอร่างกายดีขึ้นแล้วระบบเผาผลาญในร่างกายก็กลับมาเป็นปกติสามารถหยุดยาเบาหวานได้หมดเราก็จะให้ทานแป้งคาร์โบไฮเดรตเพิ่มได้อีกประมาณนิดหน่อยออกกำลังกายสม่ำเสมอให้เป้นชีวิตประจำวันแล้วให้ปรับIFให้เป็นชีวิตประจำวันไม่จำเป็นต้องทำตลอด

เมื่อร่างกายของคุณหายดื้อต่อภาวะอินซูลินแล้วคุณก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติแต่ว่าจะกลับมาทานได้ปกติแบบที่ไม่เป็นเบาหวานอีกแล้วเพราะว่าคนไข้มีความรู้ในการดูแลตัวเองต่อไปแล้วโดยบางท่านก็เป็นเบาหวานมา20ปีสามารถหยุดยาได้ประมาณสองเดือนเอง

ซึ่งทุกวันนี้เราก็ยังคงติดตามอยู่ตลอดผลที่ได้มาก็ค่าน้ำตาลอยู่ที่ประมาณ90/100แล้วก็ปรับIFให้เป็นชีวิตประจำวันทานอาหารครบ3มื้อลดคาร์โบไฮเดรตลงแล้วก็ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อที่จะได้ร่างกายแข็งแรงสุขภาพดีไปตลอดเพราะฉะนั้นการทำIFไม่จำเป็นที่จะต้องทำเหมือนเดิมไปตลอดแต่ว่าให้คุณปรับเป็นชีวิตประจำวัน

โดยในช่วงแรกที่มีการดื้อต่ออินซูลินเยอะๆหรือว่าน้ำตาลสูงมากๆอาจจะต้องทำเยอะหน่อยเพื่อที่จะทำให้ระดับของน้ำตาลมันลดลงมาได้เร็วๆเพื่อที่จะทำให้โรคเบาหวานของคุณนั้นหายได้เร็วขึ้นนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย.  สูตรหวยแม่นๆเข้าทุกงวด

โรคเบาหวานคืออะไรเกณฑ์การวินิจฉัย

เบาหวานคือภาวะที่มีระดับน้ำตาลในเลือดเราเรียกว่าน้ำตาลกลูโคสในเลือดมีความเข้มข้นสูงมากกว่าปกติเกิดจากที่กลไกลควบคุมน้ำตาลในเลือดของร่างกายมันเสื่อมสมรรถภาพไป

ซึ่งอาจจะเกิดจากว่าตับอ่อนสร้างฮอร์โมนอินซูลินโดยปกติจะกระตุ้นให้อวัยวะต่างๆดึงเอาน้ำตาลไปใช้หลั่งฮอร์โมนตัวนี้น้อยกว่าปกติหรือว่าอาจจะเกิดจากว่าอวัยวะต่างๆในร่างกายตอบสนองต่อฮอร์โมนอินซูลินน้อยลงก็เลยดึงเอาน้ำตาลไปใช้ได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ

คราวนี้เกณฑ์การวินิจฉัยเบาหวานในปัจจุบันเราอาศัย4เกณฑ์ก็คือเกณฑ์แรกเจาะเลือดออกมาหลังจากที่อดอาหารมาอย่างน้อยที่สุด8ชั่วโมงและมีระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดมีค่าตั้งแต่126มิลลิกรัมต่อเลือด1DL 

เกณฑ์ที่สองคือเจาะเวลาไหนก็ได้ ถ้าเจาะออกมาแล้วระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดมีค่าตั้งแต่200มิลลิกรัมต่อเลือด1DLโดยที่มีอาการที่น่าสงสัยว่าน่าจะมีโรคเบาหวานร่วมด้วยอันนี้ก็เรียกว่าเบาหวายเหมือนกัน

เกณฑ์ที่สามก็คือ เรียกว่าค่าน้ำตาลสะสม หรือ ภาษาอังกฤษที่เรียกว่าHemoglobin A1C ค่าตัวนี้มันจะเป็นตัวบอกถึงระดับน้ำตาลเฉลี่ยในเลือดของเราเองในช่วงเวลา2เดือนที่ผ่านมา ถ้ามีค่าตั้งแต่6.5%ขึ้นไปก็ถือว่าเป็นเบาหวาน

เกณฑ์ที่สี่ก็จะเป็นการทำการทดสอบ โดยการให้คนไข้ ดื่มน้ำตาลกลูโคส75กรัมหลังจากนั้น2ชั่วโมงก็เจาะดูน้ำตาลกลูโคสในเลือดถ้ามีค่าตั้งแต่200มิลลิกรัมต่อเลือด1DLก็ถือว่าเป็นเบาหวาน

ในปัจจุบันเราถือว่าจะเป็นเบาหวานต้องทำอย่างน้อย2เกณฑ์หรือ1เกณฑ์ทำ2ครั้งก็ถือว่าเป็นเบาหวานไม่ใช่ว่าทำเกณฑ์เดียวแล้ววินิจฉัยเลย

นอกจากนี้เบาหวานมีผลต่อร่างกายอย่างไร เนื่องจากว่าระดับน้ำตาลในเลือดถ้าเกิดว่าถ้าให้เปรียบเทียบปฏิกิริยาที่จะเกิดขึ้นจากน้ำตาลในเลือดที่สูงจะคล้ายๆกับเวลาเราเอาเช่นเอาไก่ชุบซอสหวานๆไปปิ้งแล้วมันเกิดอาการเหลืองๆเกรียมๆขึ้นมาแข็งๆ

ซึ่งร่างกายคนเราก็จะเป็นแบบนั้นเหมือนกันเพียงแต่ว่าจะค่อยๆเป็นไปเรื่อยๆในระยะเวลาหลาย10ปีก็จะเกิดการเสื่อมสภาพของอวัยวะต่างๆเนื่องจากตัวหลอดเลือดซึ่งมันสัมผัสกับน้ำตาลกลูโคสที่สูงมากๆมันจะค่อยๆเปราะแข็งอุดตันได้ง่าย

เส้นประสาทเสื่อมสภาพเพราะฉะนั้นถามว่าภาวะแทรกซ้อนในระยะยาวที่น่ากังวลจริงๆของเบาหวานเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกายแต่ที่คนทั่วไปข้าใจกันดีอยู่แล้วก็คือว่าอาจจะทำให้ตาบอดได้

เนื่องจากหลอดเลือดที่ตาเสื่อมสภาพไปไตวายได้หลอดเลือดสมองตีบได้มีอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือความจำเสื่อมก่อนวัยอันควรกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้ถ้าเส้นเลือดที่ขาตีบก็อาจจะเดินไม่ไหวหรือเป็นแผลเรื้อรังจนจะต้องตัดขาออกเลยก็มีเช่นกัน

 

สนับสนุนโดย.  huaydee

การกินอาหารที่มั่วๆส่งผลต่อสุขภาพของเราอย่างไร

ในการที่เรานั้นได้มีการทำการกินอาหารต่างๆ ซึ่งเรานั้นทำการกินและไม่ได้มีการคำนึงถึงสิ่งต่างๆ เมื่อเรานั้นได้มีการทำการกินเข้าไปนั้น จะสามารถที่จะทำให้เรานั้นสามารถที่จะมีการทำการเกิดของโรคต่างๆได้ ซึ่งในปัจจุบันนั้นได้มีของกินและสิ่งแปลกๆนั้นมากมาย ซึ่งในการที่เรานั้นได้มีการกินของที่มีความแปลกนั้น จะสามารถที่จะทำการส่งผลอย่างไรได้บ้างในร่างกายของเรา

ซึ่งใกนดารที่เรานั้นได้มีการที่กินของที่มีความแปลกอยู่มากเช่นการที่เรานั้นได้มีการกินของที่มีความนิยมนั้นเข้าไป และทำให้เรานั้นได้มีการเกิดของโรคหรือเชื้อโรคต่างๆได้ ซึ่งในการที่เรานั้นได้มีการทำการกินอาหารนั้นๆ อาหารเหล่านั้นอาจที่จะไม่ได้มีการปรุงสุก หรือได้มีเชื้อโรคอยู่มากมาย ตามอาหารที่เรานั้นได้มีการกินเข้าไป ซึ่งจะทำให้เรานั้นได้มีการเกิดของเชื้อโรคชนิดต่างๆได้ และรวมไปถึงในการที่เรานั้นได้มีการทำการกินอาหารตามของเรานั้น

ก็สามารถที่จะทำให้เรานั้นเกิดโรคต่างๆขึ้นมาได้อีกด้วย และในการที่เรานั้นไม่ได้มีการทำการดูแล ในการที่เรานั้นทำการกินเข้าไปนั้น ซึ่งสามารถที่จะเกิดโรคต่างๆขึ้นได้เช่น ในการที่เรานั้นได้มีการทำการกินอาหารต่างตามใจเรานั้้น จะสามารถทำการเกิดโรคต่างๆดังนี้ได้อีกด้วย

  1. การทำให้เกิดโรคเบาหวาน

ซึ่งในการที่เรานั้นได้มีการทำการกินอาหารที่มีความหวานมากๆ และกินอาหารที่มีไขมันที่สูงนั้น จะสามารถที่จะทำให้เรานั้น สามารถที่จะทำการเกิดโรคเบาหวานได้อีกด้วย และสามารถที่จะทำให้เรานั้นมีโรคอ้วนได้อีกด้วย

  1. การทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง

ซึ่งในการที่เรานั้นได้มีการทำการกินออาหารที่มีความเค็มหรือโซเดียมนั้นสูง จะสามารถจะทำให้เรานั้นเกิดโรคความดันโลหิตนั้นสูง ซึ่งในการที่เรานั้นได้มีการทำการ กินอาหารฟาสฟู้ดนั้น ก็สามารถที่จะทำให้เรานั้นเกิดการที่เป็นโรคความดันนี้ได้อีกด้วย

  1. การทำให้เกิดโรคมะเร็ง

ในการที่เรานั้นทำการกินอาหารที่มีควัน หรือในการที่เรานั้นได้มีกากรกินอาหารที่สำเร็จรูปนั้นเยอะ จะสามารถที่จะทำให้เรานั้นได้มีการเกิดการเป็นโรคมะเร็งนั้นได้อีกด้วย

 

 

สนับสนุนโดย.    คาสิโนออนไลน์ได้เงินจริงฝากขั้นต่ำ100

การทำรักษาตัวเองหรือผู้อื่นเบื้องต้นเมื่อได้มีการเกิดอุบัติเหตุ

การที่เราได้มีการใช้ชีวิตประจำวันอยู่เราจะสามารถที่จะมีการเกิดขึ้นของอุบัติเหตุนั้นได้อย่างตลอดเวลา ซึ่งการการที่เราจะมีการเตรียมสิ่งต่างที่สามารถทำการช่วยเหลือเราได้นั้น จะเป็นผลดีอย่างมากในตอนที่เรามีการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่สามารถจะช่วยในการบรรเทา และจะสามารถช่วยรักษาอาการของเราเบื้องต้น ในการที่เราเกิดอุบัติเหตุต่างๆที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วไป และยังจะสามารถที่จะมีการช่วยเหลือผู้ที่ได้ประสบอุบัติเหตุเบื้องต้นต่างๆนั้นได้ ซึ่งการที่จะทำการช่วยได้เบื้องต้นสำหรับผู้ที่ได้มีการประสบอุบัติเหตุนั้น จะต้องมีการที่ทำการรักษาดังนี้

  1. การทที่คำนึงถึงความปลอดภัยในสถานการณ์

เป็นสิ่งที่เราจะมีการก่อนคิดที่เราจะมีการที่เข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ได้เกิดอันตราย ซึ่งการที่เราเราไม่ได้มีการคิดก่อนที่จะเข้าไปช่วยนั้น เราจะสามารถที่จะรับอันตรายได้ เช่น ในการที่ได้มีผู้บาดเจ็บติดอยู่ในบ้านที่ถล่ม เราจะต้องมีการรอความช่วยเหลือต่างๆ เพราะในการที่เราเข้าไปช่วยจะสามารถเกิดอันตรายกับเราได้

  1. การดูอาการของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ

ก่อนการที่เราจะมีการรักษาผู้ที่ได้มีอาการบาดเจ็บนั้น เราจำเป็นที่จะต้องมีการดูสิ่งต่างๆ ที่ได้มีการเกิดขึ้นกับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บก่อน ที่เราจะทำการรักษาเบื้องต้น และห้ามมีเคลื่อนย้ายที่ของผู้ที่ต้องการรักษา เพราะอาจที่จะทำให้ที่มีอาการบาดเจ็บที่เพิ่มขึ้นจากที่เป็นอยู่ได้อีกด้วย

  1. การรักษาในสถานที่ที่ปลอดภัย

การที่จะมีการรักษาเกิดขึ้นนั้นจำเป็นที่จะต้องมีการรักษาอาการบาดเจ็บในสถานที่ปลอดภัย เพราะการที่มีการรักษาในสถานที่ที่เกิดอุบัติเหตุนั้น อาจจะมีความเสี่ยงในการที่ได้รับอันตรายอีกรอบ และผู้ที่ช่วยนั้นก็จะสามารถที่จะมีการเกิดอุบัติเหตุได้อีกด้วย

  1. การดูความร้ายแรงของผู้ที่มีอาการบาดเจ็บ

การที่จะทำการดูจากการอาการบาดเจ็บเบื้องต้น ก็จะสามารถที่จะรับรู้อาการที่เกิดเบื้องต้นนั้นได้ และก็จะสามารถที่ทำการตรวจดูอาการที่เป็นร่วมได้อีกด้วย เช่น การที่ตรวจอาการที่ทางเดินหายใจ การตรวจชีพจร และการที่สามารถทำการดูการหายใจเป็นต้น และการที่เราดูเราจะสามารถที่จะมีรู้อาการที่เป็นร่วมกับผู้ที่ประสบอุบัติเหตุได้อีกด้วย

  1. การขอความช่วยเหลือเพิ่มเติม

ซึ่งการที่ได้มีการรักษาเบื้องต้นนั้น เราจะต้องมีการที่ส่งหน้าที่นี้ต่อให้กับหมอหรือพยาบาล เพื่อที่จะมีการได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีต่อจากการที่เราไปมีการรักษาเบื้องต้น

 

 

สนับสนุนโดย.  เว็บพนันบอล ฝากขั้น ต่ำ 100 โบนัส 100

กระเทียมอาหารเพื่อสุขภาพ

กระเทียม ส่วนประกอบที่มักจะซ่อนอยู่ในอาหารและเป็นของกินที่สามารถหาทานได้ง่าย ไม่เพียงแต่กระเทียมสด กระเทียมดอง หรือกระเทียมแปรรูปต่างๆ ก็ล้วนแต่ให้ประโยชน์ทั้งสิ้น ซึ่งในปัจจุบันกระเทียมสามารถนำไปทำสิ่งต่างๆและเป็นส่วนผสมทำให้อาการนั้นน่ากินหรือเพิ่มรสของอาหารให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันก็มีการนำกระเทียมมาช่วยในเรื่องต่างๆที่เกี่ยวกับสุขภาพมากมายด้วยมาดูกันว่ากระเทียมนั้นสามารถช่วยสร้างประโยชน์กับสุขภาพได้ด้านใดบ้าง

กระเทียมช่วยในการเผาผลาญ ถึงแม้ว่ากระเทียมนั้นจะไม่ได้เป็นอาหารที่กินเพื่อลดความอ้วนโดยตรงแต่กระเทียมเป็นอาหารที่เมื่อกินเข้าไปแล้วนั้นมีฤทธิ์ที่เผ็ดร้อนและให้ความรู้สึกร้อนในร่างกายเมื่อรับประทานในปริมาณที่มากทำให้เหงื่อนั้นออก หลายคนจึงคิด่าเมื่อกินกะเทียมเข้าไปแล้วนั้นจะสามารถช่วยทำให้ลดความอ้วนได้ แต่ถึงแม้ว่าจะมีงานวิจัยหลากหลายออกมาว่าไกระเทียมไม่สามารถช่วยลดความอ้วนได้ แต่ก็สามารถช่วยเผลาผลาญและทำให้เหใอออกได้เท่านั้น แต่ไม่ใช่การเผาผลาญไขมันออกมาอย่างที่เข้าใจกัน

กินกระเทียมเพื่อฆ่าเชื้อ สำหรับกระเทียมนั้นสามารถฆ่าเชื้อโรคในบางชนิดได้ แต่จะต้องกินกนะเทียมในลักษณะที่สดและมีการปลอกเปลือก เพราะสารประกอบที่อยู่ในกระเทียมนั้นมีฤทิ์และสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ โดยเฉพาะเชื้อโรคในระบบทางเดินอาหาร เช่นโรคอาหารเป็นพิษเมื่อกินกระเทียมเข้าไป ก็สามารถที่จะบรรเทาโรคเหล่านี้ได้ กระเทียมก็สามารถที่จะช่วยฆ่าเชื้อโรคนั้นได้

แต่แน่นอนว่าในการรับประทานนั้นกระเทียมเราไม่สามารถที่จะทานสดได้มากอยู่แล้วดังนั้นการรับประทานกระเทียมเพ่อฆ่าเชื้อโรคจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะถ้าหากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไปก็อาจจะทำให้เกิดอาการท้องอืดหรือแสบร้อนในท้องได้ ถ้าหากว่าในทางเดิอาหารนั้นไม่ได้รับเชื้อโรคที่มาก การรับประทานกระเทียมจำนวนที่เหมาะสมก็สามารถช่วยและป้องกันการเกิดโรคอาหารเป็นพิษได้

กระเทียมลดความดันโลหิตสูง เพราะการกินกระเทียมนั้นดมื่อกินเข้าไป กระเทียมจะไปช่วยในเรื่องการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดการขยายตัวของหลอดเลือด ทำให้ความดันนั้นลดลงได้ สำหรับผู้ป่วยในโรคความดันนั้นก็มักจะนิยมรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของกระเทียมรวมถึงกระเทียมสด อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าการกินกระเทียมนั้นจะสามารถช่วยและรักษาโรคต่างๆ

ได้ก้จริงแต่การรับประทานก็อาจจะต้องรับประทานให้ถูกลักษณะด้วย เพราะกระเทียมที่จะสามารถช่วยรักษาโรคต่างๆและฆ่าเชื้อโรคในร่างกายได้นั้นก็จะต้องเป็นกระเทียมที่สดสะอาด เพราะกระเทียมนั้นสามารถเป้นเชื้อราได้ ก็อาจจะต้องดูให้ดีก่อนรับประทานด้วย เพราะไม่เช่นนั้นก็จะเป็นการเพิ่มเชื้อโรคไปให้กับร่างกายมากกว่าการรักษา

กระเทียมที่สามารถรับประทานและไม่สูญเสียสารอาหารและช่วยรักษาสุขภาพนั้นก็คือ กระเทียมสดและหกระเทียมย่างรวมถึงกระเทียมที่เป็นส่วนประกอบในอาหารด้วย

 

สนับสนุนโดย    กริลแอร์

การดื่มชาให้มีประโยชน์มากที่สุด

การดื่มชาเป็นสิ่งที่หลายๆคนชอบ และชายังสามารถที่จะทำให้เรามีสุขภาพที่ดีได้ ซึ่งการที่เราอยากที่จะดื่มชาเราควรที่จะทำการดื่มเวลาใดจึงจะดีมากที่สุด ซึ่งในการดื่มชาจะมีเวลาที่ทำให้เราสามารถรับประโยชน์ได้มากที่สุด และการที่เราได้มีการดื่มชามากเกินไปเราก็จะมีการได้รับผลเสียได้เหมือนกัน ซึ่งในการที่เราจะมีการดื่มชาเราควรที่จะดื่มชาเวลาใด และดื่มมากแค่ไหน จึงจะเกิดประโยชน์ต่อเรานั้นมากที่สุดในการที่จะดื่มชา

การที่เราจะมีการดื่มชาเราจะต้องมีการที่ดื่มนั้นทีหลังจากที่เรานั้นได้ทำการชงเสร็จ และสามารถที่จะทำการปล่อยทิ้งไว้ได้ไม่ควรที่จะเกิน2ชั่วโมง ซึ่งในการที่เราได้มีการปล่อยทิ้งไว้นานจะทำให้ชาของเรามีรสชาติที่แย่ลง และจะทำให้ประโยชน์ของชาลดลงมาก และในการที่เราจะมีการดื่มชาเราก็ควรที่จะทำการดื่มโดยการชงแบบร้อน เพราะจะทำให้เราสามารถที่จะได้รับประโยชน์ของชามากที่สุด

ซึ่งในชาจะมีประโยชน์และสารอาหารมากมายที่เราจะได้รับ เช่น คาเทชิน ที่เป็นสารที่มีฤทธิ์ที่ช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ สารธีอะนีน ที่เป็นส่วนช่วยในการทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย เป็นต้น และในการที่เราได้มีการดื่มชาเขียวในตอนเช้า หรือตอนท้องว่างก็จะสามารถทำให้ร่างกายของเรามีการขับน้ำออกมา และทำให้ผิวพรรณของเราดูเหี่ยวไม่สดชื่น

ทำให้สมองมีอาการมึนงงได้ง่าย และในการที่เรามีการดื่มมากไปเราก็สามารถทำให้เกิดแผลในกระเพราะอาหารได้ ซึ่งในการที่เราจะทำการกินชาเขียวในตอนเช้า เราก็ต้องมีการกินอาหารเช้าของเราก่อนที่จะมีการดื่มชาเขียวเข้าไป และในการที่เราได้มีการดื่มชาเขียวก่อนที่จะทำการออกกำลังกายก็จะเป็นส่วนที่ช่วยทำให้เรานั้นสามารถทำการอออกกำลังกายได้นานมากยิ่งขึ้น

และจะเป็นส่วนที่ช่วยทำให้เราสามารถลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี และในการที่เราจะเลือกดื่มชาที่สามารถดื่มได้บ่อยๆ เราก็ควรที่จะเลือกดื่มชาอ่อนๆ เราจะได้รับกรดน้อยกว่าชาที่เป็นใบแก่ และในการที่เราดื่มชาเข้มหลักจากการที่เรากินอาหารไปแล้ว2ชั่วโมงจะเป็นส่วนที่ช่วยทำให้เราสามารถทำการย่อยอาหารได้เป็นอย่างดี

 

 

สนับสนุนโดย  คาสิโนออนไลน์ เครดิตฟรี