วิธีเกร็งกล้ามเนื้อ เพื่อลดความเครียด

หลายๆ คนอ่านแล้วคงสงสัยว่า เข้าใจอะไรผิด หรือเขียนผิดหรือเปล่า ทำไมถึงบอกว่า เกร็งกล้ามเนื้อเพื่อลดความเครียด เพราะเท่าๆที่รู้มา ทุกคนต่างรู้อยู่แล้วว่าเมื่อเกิดความเครียดนั้น ร่างกายของคนเราในส่วนของกล้ามเนื้อจะมีการหดและเกร็งตัวได้ในหลายๆ จุด ซึ่งอาจจะมีปัจจัยประกอบด้วยเรื่องของท่าทางด้วย

ซึ่งสิ่งที่ตามมาจากนั้นก็จะเกิดอาการปวดเมื่อย คอ บ่า ไหล่ ก็แล้วแต่สรีระร่างกายของคน บางคนอาการหนักปวดหัวขึ้นสมองก็มี ด้วยความที่กล้ามเนื้อตัวมากจนทำให้เส้นต่างๆ ในร่างกายหด และปวดได้ แต่ในประเทศอเมริกานั้นได้มีการคิดค้น หลักสูตร PMR ขึ้นมา ซึ่งมันคือ วิธีการเกร็งกล้ามเนื้อเพื่อคลายเครียดและคลาดวิตกกังวล

ซึ่งเปรียบเสมือนการบำบัดร่างกายและจิตใจของเรานั้นเอง โดยปี 1930 แพทย์ชาวอเมริกัน ที่ชื่อว่า Edmund Jacobson ใช้วิธีการนี้เป็นหลักการตั้งใจการเกร็งกลุ่มกล้ามเนื้อมัดใหญ่แล้วค่อยๆ ผ่อนคลายให้สอดคล้องกับการหายใจ เพื่อปล่อยสร้างลดความเครียดออกมา ซึ่งเมื่อหลายๆคนอ่านถึงตรงนี้แล้วอาจจะสงสัยว่าและวิธีการนี้เค้าทำกันอย่างไร ซึ่งเพียงแค่คุณนั้น ทำตามนี้คือ

เลือกสถานที่และเวลาที่เหมาะสมให้คุณนั่งแบบสติและไร้สิ่งรบกวนคุณได้ และท่านั่งนั้นควรจะต้องเป็นท่านั่งที่ผ่อนคลายฝึกลมหายใจเข้าออก โดยเริ่มหายใจเข้าสักห้าวินาที พร้อมกับการค่อยหดเกร็งกล้ามเนื้อทีละจุด เช่น กลุ่ม คอ บ่า ไหล่ แล้วคลายออกพร้อมกับลมหายใจออกสักสิบวินาที ซึ่งพยายามที่จะรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายสัก ห้าถึงสิบนาที

ก่อนที่จะเริ่มทำ PMR กับกล้ามเนื้อกลุ่มใหม่ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มกล้ามเนื้อหลัง กลุ่มกล้ามเนื้อแขน และกลุ่มกล้ามเนื้อสะโพก หรือกลุ่มกล้ามเนื้อส่วนขา ซึ่งควรทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย สองถึงสามอาทิตย์

ซึ่งประโยชน์ที่จะได้รับจากการทำ PMR นั้น (ย่อมาจาก Progressive Muscle Relaxation) จะช่วยให้คุณมีการหลับนอนที่ดีขึ้น และจิตใจมีความสงบและปล่อยวางจากความคิดต่างๆ และที่สำคัญยังช่วยการลดอาการปวดตึงของกล้ามเนื้อ หรืออาการหายใจตื้นและเร็ว หัวใจสั่นได้อีกด้วย ซึ่งเป็นวิธีการคลายความเครียด โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายๆใดเลยด้วยซ้ำ

ซึ่งถ้าหากตอนนี้ใครมีปัญหาจากความเครียด หรือแม้แต่ผลต่อเนื่องจากความเครียดแล้วทำให้ร่างกายตึงและปวดเมื่อยกล้ามเนื้อนั้น ซึ่งส่วนใหญ่คนเราจะเริ่มปวดคอ บ่า ไหล่และต้นคอ ก็ลองนำวิธีนี้ไปลองใช้กันดู ซึ่งหากทำเป็นประจำสักสองถึงสามสัปดาห์ขึ้นไปนั้นก็จะเริ่มผลที่ดีขึ้น โดยช่วงแรกอาจจะยากสักหน่อยสำหรับการแบ่งส่วนที่ต้องเกร็ง แต่หากทำไปเรื่อยๆ ก็ชิน และคล่องเอง

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  sagame

ลดน้ำหนักยังไงให้ไม่โทรมกันนะ 

การที่บางคนเคร่งครัดที่จะลดน้ำหนัก ตั้งใจอดอาหารจริงจัง ออกกำลังกายหนักหน่วง แต่กลับมาส่องกระจกดูตัวเองอีกที ทำไมถึงดูโทรมแบบนี้ ทำไมการที่เราลดน้ำหนักแล้วหน้าและร่างกายกลับดูโทรมแทนที่จะดูแข็งแรงและสดชื่น วันนี้เรามีเทคนิคดีๆมาฝากกันค่ะ 

เทคนิคที่ 1 : จดบันทึกอาหารที่เรากินในทุกวัน

การที่คุณลดน้ำหนักอยู่นั้น สิ่งที่สำคัญอย่างแรกที่คุณต้องใส่ใจกับมัน คือ อาหารที่คุณจะเลือกกินในแต่ละมื้อ และในแต่ละวัน เพราะมันจะเป็นตัวกำหนดได้ว่าคุณลดน้ำหนักได้ดีต่อร่างกายคุณหรือไม่ 

ยกตัวอย่าง คุณอาจจะกินน้อย ไม่เกินแคลอรี แต่กินแต่ โดนัท หรือ พิซซ่า คุณกินไม่เกินแคลอรีก็จริงแต่คุณคงไม่ได้คำนึงละสิว่าอาหารที่คุณกินเป็นผลเสียต่อร่างกายคุณ เพราะฉะนั้นฝึกนิสัยในการจดบันทึกอาหารที่เรากินในแต่ละมื้อในทุกๆวันดูสิ มันจะทำให้คุณใส่ใจกับอาหารคุณมากขึ้นเพราะคุณจะต้องคิดและจดบันทึกว่าวันๆหนึ่งคุณกินอะไรเข้าไปบ้าง และคุณเองก็คงไม่อยากจะมาเจอในหน้าบันทึกของคุณว่า วันนี้กินโดนัท วันนี้กินชานมไขมุก วันนี้กิน พิซซ่า แค่คุณอ่านมันคุณก็รู้แล้วว่าคุณเลือกกินอาหารผิดๆมาโดยตลอด 

เทคนิคที่ 2 : ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการกินของเรา

ปรับเปลี่ยนการกินโดยการที่คุณเลือกอาหารดีๆเข้าปากสิ อย่างที่ได้บอกไปก่อนหน้านี้แล้ว คุณลองเลือกกินอาหารแคลอรีไม่เยอะแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพดูสิทั้งอิ่มท้องและมีประโยชน์ในเวลาเดียวกันไม่ดีกว่าหรอ อาหารที่ดีจะไม่กลับมาทำร้ายร่างกายคุณอย่างแน่นอน วันนี้คุณลองกิน สเต็กปลาสักชิ้น คู่กับสลัดผัดสด ดูสิ รับรอง คุณจะเปลี่ยนใจและอยากเปลี่ยนพฤติกรรมการกินที่ผ่านมาของคุณอย่างแน่นอน เพราะดีกว่าการที่คุณ เลือกกิน Fish & Chips ถึงเมนูนี้จะเป็นปลาเหมือนกัน แต่ผลดีกับร่างกายไม่เหมือนกันนะ 

วันนี้ที่เราเอาเทคนิคง่ายๆที่จะทำให้ช่วงที่คุณลดน้ำหนัก จะได้ไม่ต้องโทรมอีกต่อไปมาฝาก หวังว่าคุณเองจะนำไปลองใช้ดูนะ เพราะถ้าคุณยังไม่สนใจในสิ่งที่คุณจะเลือกกิน หรือ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินของตัวเอง ถึงลดน้ำหนักอย่างไร ร่างกายคุณก็โทรมอยู่ดี เพราะฉะนั้นการลดน้ำหนักของคุณ คุณควรที่จะดูแลร่างกายคุณให้ยังคงแข็งแรงและดูดีอยู่เหมือนก่อนลดด้วยเช่นกัน ไม่ใช่ยิ่งลดแล้วยิ่งโทรม เพราะสุดท้ายถ้าคุณกลับมาส่องกระจก หน้าและร่างกายของคุณดูโทรม แล้วแบบนี้คุณจะลดน้ำหนักไปทำไมกันละ!

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  bk8

อาการของริดสีดวงทวารมันเป็นอย่างไร

สำหรับริดสีดวงทวารเราจะต้องรู้ก่อนเลยว่าชนิดของริดสีดวงทวารมีอยู่สองอย่างใหญ่ๆเขาเรียกว่า ริดสีดวงทวารภายนอก และ ริดสีดวงทวารภายใน 

ถ้าริดสีดวงทวาร ถ้าเป็นริดสีดวงทวารมักจะมาด้วยอาการเจ็บมากกว่าถ้าคุณรองนึกถึงโฆษณาเก่าๆแบบไม่นั่งฉันไม่อยากนั่งก็เพราะว่ามันเจ็บ ซึ่งเรียกว่า ริดสีดวงภายนอกอักเสบซึ่งตรงนี้มันเป็นอาการที่เจ็บมากแบบเจ็บมากคือมันไม่อยากจะขยับตัวไปไหนเพราะว่ามันทรมานมากและอีกอันหนึ่งก็คือริดสีดวงทวารภายในอันนี้มันไม่ได้มาด้วยอาการเจ็บแต่ส่วนใหญ่มันจะมาด้วยอาการเลือดไหลหรือว่ามันได้มีเลือดเคลือบมากับก้อนอุจจาระนั้นเอง

และถ้าเป็นมากๆอยู่ดีๆคุณจะกำก้อนที่ยืดออกมาได้เป็นถุงๆเลยและในบางครั้งถ้ามันเป็นมากจนถึงจุดจริงๆไอก้อนถุงที่มันได้ยืดออกจากรูทวารของคุณมันไม่สามารถที่จะดันเข้ากลับไปได้และมันเน่าจนติดเชื่ออักเสบและบางคนเป็นถึงขั้นเสียชีวิตมันก็มีมาแล้วซึ่งริดสีดวงทวารนั้นมันเป็นสิ่งที่ทุกคนนั้นจะต้องระวังเป็นอย่างดีทีนี่เราก็ได้รู้จักชนิดของริดสีดวงทวารและอาการนำไปแล้วจากนั้นเรามาดูริดสีดวงที่ ภายนอกกันก่อน

สำหรับริดสีดวงภายนอกเด่นๆเลยก็คือเรื่องของอาการปวดก้นเวลาที่เรานั้นไปคำตรงที่รูก้นของเรามันก็จะมีติ่งเล็กๆมาก่อนและไม่เจ็บแล้วอยู่ๆดีๆเจ้าติ่งตรงนี้มันอักเสบแล้วมันได้เจ็บขึ้นมาแบบนี้จะเรียกว่าเป็นริดสีดวงทวารภายนอกการรักษาโดยส่วนใหญ่ถ้าคุณจะรักษาด้วยตนเองถามว่าได้หรือไม่บอกว่าได้ โดยการรักษาด้วยตนเองแบบเบื้องต้นถ้าไม่ได้เจ็บปวดอะไรมา

อันดับแรกให้นำเอาก้นของคุณลงไปแช่น้ำอุ่นหลังจากที่คุณขับถ่ายเสร็จแล้วให้เอาก้นของคุณไปแช่น้ำอุ่นสักประมาณ15นาทีทำเช้ากลางวันเย็น ส่วนที่สองก็คือยาเหน็บยาเหน็บตามร้านขายยาทั่วไปมีขายก็คือเอายาเหน็บเข้าไปและข้อแนะนำของการเหน็บยาพวกนี้ถ้าเหน็บเองให้คุณเหน็บยาก่อนนอนเพราะถ้าหากว่าคุณนั้น

เอาไปเหน็บในตอนกลางวันคุณเดินไปมามันก็จะหล่นลงมาคือให้คุณเหน็บเอาไว้แล้วก็นอนเลยเพื่อให้ยามันออกพิษและทำให้ยาเหน็บมันได้ลดบวมลงและนี่ก็คืออันที่สอง ส่วนที่สามมันก็คือยาเม็ดที่ซื้อเอามารับประทานแล้วริดสีดวงมันจะดีขึ้น ซึ่งมันก็จะมียาเม็ดอยู่หลายชนิดหลายยี่ห้อทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าคุณรักษาตัวเองแล้ว5-7วันมันยังไม่ดีขึ้นก็ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  bk8

ความเชื่อที่ผิด เกี่ยวกับการลดน้ำหนัก

เพื่อนๆหลายคนเลยที่ชอบมีความเชื่อผิดๆเวลาลดน้ำหนัก 

เชื่อว่า ลดน้ำหนักต้องอดอาหาร 

การที่เพื่อนๆหลายคนที่ต้องการลดน้ำหนักแล้ว ต้องลดอาหารและกินให้น้อยสุดๆ นั้น เป็นความเชื่อที่ผิดมาก เพราะการที่เพื่อนๆกินน้อยอะ จะยิ่งทำให้ร่างกายเกิดความเครียดและร่างกายคิดว่ากำลังจะขาดอาหารตาย กลายเป็นว่าร่างกายหวงไขมัน ไม่ยอมเผาผลาญไขมันสะสม ซึ่งจะยิ่งทำให้เราลดเท่าไรเราก็จะลดน้ำหนักไม่ลง นะ แบบนี้เองกินให้เหมาะสมและลดด้วยการเลือกกินสิ่งที่มีประโยชน์ให้เหมาะสมดีกว่านะ 

เชื่อว่า กินโปรตีนเยอะๆ ไม่ทำให้อ้วน 

เป็นความเชื่อที่ผิดนะ เพราะการที่คุณจะกินโปรตีน อย่าง เนื้ออกไก่ ไข่ต้ม เนื้อแดง เยอะๆ เพื่อจะได้ให้ร่างกายได้โปรตีนสูงๆนั้น ทำให้คุณอ้วนได้นะ เพราะการที่คุณจะกินอะไรมากๆเกินความเหมาะสมก็สามารถกลายเป็นพลังงานส่วนเกินในร่างกายที่เผาผลาญไม่ทันนั้นเอง สุดท้ายก็ทำให้คุณอ้วนได้ 

เชื่อว่า กินไขมัน ไม่ได้ เดี๋ยวจะยิ่งอ้วน 

การที่กินไขมันนั้นไม่ใช่เรื่องผิด แต่หลายคนชอบมีความเชื่อผิดว่ากินไขมันไม่ได้เลย เพราะมันจะยิ่งทำให้อ้วน ซึ่งความเป็นจริงแล้วไม่จริงเลย การที่คุณกินไขมันดี ยกตัวอย่างอะโวคาโด ถั่วเปลือกแข็ง น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก นั้นเป็นไขมันดีที่ร่างกายต้องการและการที่คุณกินไขมันดีเข้าสู่ร่างกาย มันจะไปช่วยไล่ไขมันไม่ดีในร่างกายออกไปด้วยนะ เพราะฉะนั้นเพื่อนๆกินไขมันดีในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยลดไขมันไม่ดีในร่างกายคุณแน่นอน

เชื่อว่า ต้องงดแป้ง ช่วงลดน้ำหนัก

การที่หลายๆคนชอบคิดว่าลดน้ำหนัก ต้องงดแป้งสิ อย่ากินเลยมันอันตราย เดี๋ยวอ้วน ซึ่งนั้นเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะจริงๆแล้ว เพื่อนๆยังสามารถกินแป้งได้ เพียงแค่กินแป้งดี หรือ คาร์โบไฮเดรตดีอย่าง ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต จะช่วยทำให้เพื่อนๆมีเรี่ยวแรงในการทำงานในแต่ละวัน และการกินแป้งดีในปริมาณที่เหมาะสมนั้นไม่สามารถทำให้คุณอ้วนได้ ตรงกันข้ามการที่คุณกินแป้งดีในช่วงเช้าหรือกลางวัน มันจะช่วยทำให้คุณอิ่มนานและนั่งทำงานได้นาน ไม่อยากของจุกจิกด้วยนะ 

เชื่อว่า ออกกำลังกายหนักๆจะได้ลดน้ำหนักได้ไวๆ

การออกกำลังกายนั้นเป็นเองที่ดีนะ แต่เพื่อนๆต้องออกกำลังกายให้เหมาะสม ยกตัวอย่าง 3 ครั้ง ต่อสัปดาห์ ระยะเวลาในการเล่น 45 นาที – 1.30 ชั่วโมง ก็พอ ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องออกกำลังกายหนักๆ ทุกวันเล่นครั้งละ 2 ชั่วโมงเพื่อจะให้ลดเร็วๆ นั้นไม่จริงเลย มันจะทำให้ร่างกายเราเครียดเกินไป ลดยากกว่าเดิมนะสิ

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  เว็บพนัน สมัครฟรี

อันตราย อย่าลดน้ำหนักด้วยยาลดความอ้วนเด็ดขาด 

การที่คุณลดน้ำหนักมาสักพักแล้ว ไม่ลงและใจร้อนอยากให้น้ำหนักลงอย่างรวดเร็ว เลยตัดสินใจจะไปพึ่งอาหารเสริมหรือ  ยาลดน้ำหนัก นั้นไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย เพราะคุณรู้ถึงผลอันตรายที่จะเกิดกับร่างกายของคุณหรือไม่ 

วันนี้เราจะมาบอกถึง ข้อเสียและผลที่อันตรายของยาลดความอ้วนกัน 

กดประสาทโดยตรง เป็นยาลดความอ้วนประเภทกดประสาทความรู้สึกไม่ให้หิว – การที่คุณกินยาประเภทที่กด ประสาท ทำให้คุณไม่รู้สึกหิวเหมือนปกติ อันนี้จะเห็นออกบ่อยเลย เพราะมันเป็นยาที่ระงับความอยากอาหาร ของคุณนั้นละ คุณจะไม่รู้สึกหิว และ ไม่อยากกินอะไร เป็นยาประเภทกดประสาท ซึ่งคุณคงจะลดน้ำหนักได้จริง ตอนที่พึ่งยา แต่พอคุณหยุดยา รับรองว่าความอยากอาหารของคุณต้องกลับมาแล้วมีความเสี่ยงมากที่คุณจะ ยับยั้งชั่งใจให้กินแต่พอดีไม่ได้ สดท้ายตามใจปากคุณก็กลับมาอ้วนแน่นอน ซึ่งอาการนี้คือเรียกว่าโยโย่จากยาลดความอ้วนนั้นเอง

นอนไม่หลับ และใจเต้นเร็ว – นอกจากยาที่มีการกดประสารทไม่ให้อยากอาหารแล้ว ผลข้างเคียงของยาลดความอ้วนคือทำให้คุณนอนไม่หลับ หลับยาก ตาค้าง และใจเต้นเร็วตลอดเวลา ยาลดความอ้วนประเภทนี้จะใส่สารคาเฟอีน จำนวนมากเพื่อให้คุณนั้นตื่นตัว ซึ่งกลายเป็นว่าร่างกายได้รับเกินขนาดส่งผลทำให้นอนไม่หลับ และ ใจเต้นเร็ว การที่มีอาการใจเต้นเร็วประกอบด้วยนั้นยิ่งอันตรายเพราะบางคนมีการใจเต้นเร็วจนเกิดอาการช๊อคได้ 

ขับของเสียออก ยาลดความอ้วนอีกประเภทคือการทำให้เราขับของเสีย – ยาประเภทนี้คือการที่ต้องการให้เราขับของเสียออกมา ไม่ว่าจะเป็นเหงื่อ ปัสสาวะ อุจจาระ บ่อยๆ เพียงเพราะหากเราขับของเสียบ่อยๆ มันคือการขับน้ำ ขับของเสียต่างๆออกมา และทำให้ร่างกายเบาขึ้น เวลาชั่งน้ำหนักคุณจะรู้สึกได้ว่าตัวเบาลง แต่ข้อเสียนั้นมีมากมายเลยนะ เพราะการขับของเสียออกมาเยอะๆ และถี่ๆ จะทำให้ร่างกายคุณอ่อนเพลีย และบางที่อาจจะทำให้ร่างกายคุณขาดน้ำได้ด้วย 

อารมณ์แปรปรวน ไม่คงที่ หงุดหงิดง่าย – ยาลดน้ำหนักที่ผิดกฎหมายส่วนใหญ่ หากคุณได้กินเข้าไปแล้วจะรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว และยังมีอาการของคนหงุดหงิดง่ายและอารมณ์แปรปรวนอีกด้วย เพราะยาบางตัวกดประสาท บางตัวมีผลที่ทำให้รู้สึกควบคุมอารมณ์ไม่ได้ มีผลต่อการกล่อมประสาทให้ทำงานไม่ปกติ 

จริงๆแล้วการที่อยากจะลดความอ้วนหรือผอมให้ไวนั้น มันต้องมาจากการที่คุณเลือกกินอาหารที่ดีและออกกำลังกาย พร้อมกับพักผ่อนดีนะ ไม่ใช่พึ่งยาลดความอ้วน

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  เว็บพนันออนไลน์ แจกเครดิตฟรี ไม่ต้องฝาก 2020

แจกวิธีลดน้ำหนักเร่งด่วน 5 วิธีที่ต้องรู้ จะได่สวยทันใจ 

คนที่ต้องการลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน และอยากสวยทันใจ วันนี้เรามีวิธีหรือเทคนิคดีๆที่จะมาช่วยให้คุณนั้นลดน้ำหนักได้เร็วขึ้นได้ด้วยตัวเอง วิธีที่เราจะนำมาฝากวันนี้ จะทำให้คุณผอมสมใจในเวลาอันสั้น ไปดูกันเลย!

พยายามชั่งน้ำหนักทุกๆวัน – การที่คุณชั่งน้ำหนักทุกๆวัน มันจะคอยเตือนใจคุณว่าอย่าเผลอกินเยอะหรือตามใจปากนะ เพราะหากเผลอสักวันสองวัน รับรอง ตัวเลขที่ตาชั่งจะฟ้องขึ้นมาทันที เพราะฉะนั้นการที่ชั่งน้ำหนักในทุกๆวันจะคอยเป็นเหมือนเครื่องเตือนใจในทุกๆวันว่าคุณจะต้องคอยระวังไม่ให้กินเยอะไป 

กินผักเยอะๆ ช่วยได้ – การกินผักเยอะๆในทุกๆมื้อนอกจากคุณจะได้ไฟเบอร์และช่วยระบบการย่อยของคุณให้ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยให้คุณอิ่มจากการกินได้ด้วยนะ ไม่เชื่อลองกินผักสัก 1 จานก่อนกินอาหารมื้อหลักดูสิ คุณจะอิ่มเร็วขึ้นแถมร่างกายก็จะรู้สึกสบายขึ้นด้วยเพราะกินผักเยอะๆนั้นยังช่วยเรื่องขับถ่ายด้วยนะ

ขยับตัวทุกๆ 2 ชั่วโมง – การที่คุณต้องขยับตัวทุกๆ 2 ชั่วโมงจะทำให้ร่างกายรู้สึกระปรี้กระเปร่า เพราะไม่ยังงั้นนะ คุณอาจจะอยากนอนเล่นทั้งวัน ไม่ลุกไปไหน หรือ ไม่ยอมขยับไปไหนเลย กินๆนอนๆ ซึ่งมันจะทำให้คุณไม่ได้เผาผลาญไขมันในร่างกายเท่าไรเลยนะ

นอนตอนกลางคืนเยอะๆ แทน – ทางที่ดีสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก นั้นก็คือต้องนอนอย่างน้อยให้ได้ 7-8 ชั่วโมงต่อวันและต้องนอนอย่างมีคุณภาพ หรือ หลับลึก แนะนำว่าคุณควรจะนอนตั้งแต่ 22.00 น. นะ เพราะการนอนนั้นมีผลต่อร่างกายของคุณ ไม่ว่าจะเป็นระบบเผาผลาญ หรือ ระบบการย่อย เพราะถ้าร่างกายไม่ได้พักผ่อนมากพอ ทุกๆอย่างจะทำงานได้แย่ลง

ดื่มน้ำให้เยอะๆ 8 แก้วเป็นอย่างต่ำ- การที่คุณจะลดน้ำหนัก อีกอย่างที่จำเป็นอย่างมากสำหรับการลดน้ำหนัก นั้นก็คือการดื่มน้ำเยอะๆ เพราะการดื่มน้ำนอกจากทำให้ร่างกายสดชื่นแล้ว ยังช่วยระบบต่างๆของร่างกายให้ทำงานให้ดีขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือระบบเผาผลาญนั้นเอง การดื่มน้ำ 1 แก้ว ตอนตื่นนอนนั้นจะเป็นตัวช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกายได้เป็นอย่างดี

        วิธีที่นำมาฝากทุกคนวันนี้อาจจะไม่ได้แปลกใหม่อะไร แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้ความสนใจในเรื่องพื้นฐานในการเริ่มต้นลดน้ำหนักที่ดีนะสิ เพราะฉะนั้นเองคุณลองหันมามองว่า 5 วิธีนี้คุณทำครบและทำมันได้อย่างดีแล้วหรือยัง เพราะมันจะเป็นตัวช่วยที่จะทำให้คุณลดน้ำหนักได้เร็วนะ

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนัน

วิธีการลดน้ำหนัก สำหรับสาวๆ วัย 30+ 

พออายุเข้าเลข 30 แล้ว บางคนอยากลดน้ำหนักลดเท่าไรก็ไม่ลง ลงยาก กินนิดกินหน่อยก็อ้วนง่าย สาวๆ 30+ คงกลุ้มใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะเมื่อก่อนอยากจะลดใช้เวลาแป๊ปเดียวก็ลงแล้ว ไม่อยากแบบนี้เลย วันนี้เราเลยรวบรวมข้อมูลดีๆ มาฝากสาวๆ30+ กัน มันคือ 7 วิธีง่ายๆในการช่วยลดน้ำหนัก และคุณจะกลับมามีหุ่นดีสมใจอีกครั้ง

นอนหลับวันละ 6-8 ชั่วโมง

การนอนสำคัญมากที่จะช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูและมีเรี่ยวแรงในการทำงานในวันถัดไป และการนอนอย่างเพียงพอและนอนแบบมีคุณภาพ 6 -8 ชั่วโมง ยังช่วยกระตุ้นฮอร์โมนการเจริญเติบโตหลั่งออกมาได้ดีอีกด้วย ซึ่งนั้นก็จะช่วยไปกระตุ้นระบบการเผาผลาญและระบบต่างๆของร่างกายให้ดีขึ้นตามไปด้วยนะ 

ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

เข้าเลข 30+ แล้ว อย่าละเลยการออกกำลังกายเลยเพราะสิ่งที่จะช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้และมีหุ่นฟิตสมใจ นอกจากกินดีแล้ว สิ่งที่สำคัญคือการออกกำลังกายนั้นละ คุณพยายามออกกำลังกายอย่างน้อย 3 ครั้ง ต่อ สัปดาห์ด้วยระยะเวลา 1.00-1.30 ชั่วโมง ต่อครั้งนะ จะช่วยให้ร่างกายคุณสดชื่นและคลายเครียดได้ด้วยนะ

กินเนื้อปลาให้เยอะขึ้น ทานเนื้อสัตว์อื่นๆให้น้อยลง

การที่คุณกินเนื้อปลานั้นดีสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนักมากนะ เพราะมีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ แคลต่ำ แถมอุดมไปด้วยสารอาหารมากมายและย่อยง่ายอีกด้วย ยิ่งกินคู่กับผักสลัดแล้วจะทำให้ร่างกายคุณได้วิตามินครบถ้วนเลยทีเดียว

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน

การที่สาวๆขึ้น 30+ แล้วนั้นจะต้องดูแลเรื่องอาหารเป็นอย่างดีเพราะว่า ระบบเผาผลาญไม่ได้ดีเท่าสมัยวัยรุ่น เพราะฉะนั้นการจะกินก็ควรกินแต่พอดี พออิ่มอย่าตามใจปากมากจนเกินไป และรวมไปถึงการกินข้าวแต่ละคำหากใครที่ติดกินเร็วๆ ต้องปรับให้ตัวเองเคี้ยวช้าลงนะ เพราะการกินเร็วๆมีโอกาสทำให้คุณกินเยอะและรู้ตัวอีกทีกินอิ่มแน่นท้องไปหมด การเคี้ยวช้าๆจะทำให้สมองรู้สึกอิ่มในช่วงที่คุณไม่ได้กินเยอะจนเกินไป

ดื่มน้ำเย็น บ้างนะ

การที่ดื่มน้ำเย็น จะทำให้ร่างกายพยายามปรับอุณหภูมิของน้ำให้เท่ากับร่ากาย นั้นจึงเกิดการเผาผลาญมากกว่าปกติไงละ แต่ไม่ต้องดื่มเยอะจนเกินไปนะ เพียงแค่จิบน้ำเย็นบ้างเพื่อจะได้ไปกระตุ้นระบบเผาผลาญยังไงละ

ดื่มชาเขียวช่วยได้ 

การที่เราอายุมาขึ้นนั้น ระบบเผาผลาญเราก็มีโอกาสทำงานได้ไม่ดีเท่าเมื่อก่อน การดื่มชาเขียววันละ 2-3 แก้ว จะช่วยไปกระตุ้นระบบเผาผลาญได้ดีและยังช่วยเผาผลาญไขมันได้ดีอีกด้วยนะ เพระฉะนั้นอย่าลืมหันมาดื่มชาเขียวกันนะ

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนันออนไลน์

6 วิธีการลดน้ำหนัก สำหรับสาวๆ วัย 30+ 

พออายุเข้าเลข 30 แล้ว บางคนอยากลดน้ำหนักลดเท่าไรก็ไม่ลง ลงยาก กินนิดกินหน่อยก็อ้วนง่าย สาวๆ 30+ คงกลุ้มใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะเมื่อก่อนอยากจะลดใช้เวลาแป๊ปเดียวก็ลงแล้ว ไม่อยากแบบนี้เลย วันนี้เราเลยรวบรวมข้อมูลดีๆ มาฝากสาวๆ30+ กัน มันคือ 7 วิธีง่ายๆในการช่วยลดน้ำหนัก และคุณจะกลับมามีหุ่นดีสมใจอีกครั้ง

นอนหลับวันละ 6-8 ชั่วโมง

การนอนสำคัญมากที่จะช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูและมีเรี่ยวแรงในการทำงานในวันถัดไป และการนอนอย่างเพียงพอและนอนแบบมีคุณภาพ 6 -8 ชั่วโมง ยังช่วยกระตุ้นฮอร์โมนการเจริญเติบโตหลั่งออกมาได้ดีอีกด้วย ซึ่งนั้นก็จะช่วยไปกระตุ้นระบบการเผาผลาญและระบบต่างๆของร่างกายให้ดีขึ้นตามไปด้วยนะ 

ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

เข้าเลข 30+ แล้ว อย่าละเลยการออกกำลังกายเลยเพราะสิ่งที่จะช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้และมีหุ่นฟิตสมใจ นอกจากกินดีแล้ว สิ่งที่สำคัญคือการออกกำลังกายนั้นละ คุณพยายามออกกำลังกายอย่างน้อย 3 ครั้ง ต่อ สัปดาห์ด้วยระยะเวลา 1.00-1.30 ชั่วโมง ต่อครั้งนะ จะช่วยให้ร่างกายคุณสดชื่นและคลายเครียดได้ด้วยนะ

กินเนื้อปลาให้เยอะขึ้น ทานเนื้อสัตว์อื่นๆให้น้อยลง

การที่คุณกินเนื้อปลานั้นดีสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนักมากนะ เพราะมีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ แคลต่ำ แถมอุดมไปด้วยสารอาหารมากมายและย่อยง่ายอีกด้วย ยิ่งกินคู่กับผักสลัดแล้วจะทำให้ร่างกายคุณได้วิตามินครบถ้วนเลยทีเดียว

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน

การที่สาวๆขึ้น 30+ แล้วนั้นจะต้องดูแลเรื่องอาหารเป็นอย่างดีเพราะว่า ระบบเผาผลาญไม่ได้ดีเท่าสมัยวัยรุ่น เพราะฉะนั้นการจะกินก็ควรกินแต่พอดี พออิ่มอย่าตามใจปากมากจนเกินไป และรวมไปถึงการกินข้าวแต่ละคำหากใครที่ติดกินเร็วๆ ต้องปรับให้ตัวเองเคี้ยวช้าลงนะ เพราะการกินเร็วๆมีโอกาสทำให้คุณกินเยอะและรู้ตัวอีกทีกินอิ่มแน่นท้องไปหมด การเคี้ยวช้าๆจะทำให้สมองรู้สึกอิ่มในช่วงที่คุณไม่ได้กินเยอะจนเกินไป

ดื่มน้ำเย็น บ้างนะ

การที่ดื่มน้ำเย็น จะทำให้ร่างกายพยายามปรับอุณหภูมิของน้ำให้เท่ากับร่ากาย นั้นจึงเกิดการเผาผลาญมากกว่าปกติไงละ แต่ไม่ต้องดื่มเยอะจนเกินไปนะ เพียงแค่จิบน้ำเย็นบ้างเพื่อจะได้ไปกระตุ้นระบบเผาผลาญยังไงละ

ดื่มชาเขียวช่วยได้ 

การที่เราอายุมาขึ้นนั้น ระบบเผาผลาญเราก็มีโอกาสทำงานได้ไม่ดีเท่าเมื่อก่อน การดื่มชาเขียววันละ 2-3 แก้ว จะช่วยไปกระตุ้นระบบเผาผลาญได้ดีและยังช่วยเผาผลาญไขมันได้ดีอีกด้วยนะ เพระฉะนั้นอย่าลืมหันมาดื่มชาเขียวกันนะ

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนัน หวย

กินถั่วงอกดิบระวังจะเจอกับสารอันตรายที่ปนเปื้อนมาด้วย

          เชื่อว่าใครหลายๆคนย่อมรู้จักถั่วงอกและเคยกินถั่วงอกดิบกันมาแล้วเกือบทุกคนเพราะถูกนอกนั้นสามารถกินดิบเป็นผักที่สามารถกินควบคู่กับอาหารอย่างอื่นได้เช่นคนจะนิยมกินถั่วงอกดิบควบคู่กับการกินขนมจีน  และยังมีอาหารอีกหลายอย่างที่มีการกินถั่วงอกดิบคู่ด้วยไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวหรือการใส่กินคู่กับผัดไทยหรือบางทีเราก็กินควบคู่กับหอยทอด

ซึ่งบางคนชอบมากในการกินถั่วงอกดิบแต่บางคนก็นำถั่วงอกมาปรุงอาหารให้สุกก่อนแล้วค่อยกินแต่อย่างไรก็ตามถั่วงอกนี้ถือว่าหากเราล้างสะอาดแล้วคนส่วนใหญ่ก็คิดว่ามันไม่เกิดอันตรายอะไรแต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลยสำหรับถั่วงอกแบบนี้ถือว่าเป็นผักที่หากเรากินดิบแล้วจะเกิดอันตรายเนื่องจากว่ามันจะมีสารปนเปื้อนปนอยู่ในนั้นซึ่งตัวสารปนเปื้อนนี่เองที่เราเรียกว่าสาร e coli และเจ้าตัว E coli นี่เอง

มันคือเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งซึ่งมันจะส่งผลทำให้เมื่อเรากินเข้าไปแล้วอาจจะทำให้เกิดอาการท้องเสียคลื่นไส้อาเจียนได้เช่นเดียวกันสาเหตุที่มันมีเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ก็เพราะว่าตอนที่เรามีการปลูกถั่วงอกนั้นเรามักจะปลูกในสถานที่ที่มีความชื้นซึ่งอย่างที่เรารู้กันดีอยู่แล้วว่าพวกเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรานั้นมักจะชอบอยู่ในบริเวณที่มีความชื้นเช่นเดียวกันและยิ่งถ้าอุณหภูมินั้นเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพวกมันแล้วแล้วก็มันก็เจริญเติบโตได้ดีถั่วงอกนั้น

ถือว่าเป็นแหล่งที่เพาะเชื้อแบคทีเรียได้ดีเลยทีเดียวอีกทั้งร้านบางร้านที่มีการเพาะถั่วงอกขายบางคนเขาก็ใส่พวกสารฟอกขาวตอนที่เอาถั่วงอกมาแช่น้ำเพื่อให้ถั่วงอกนั้นดูขาวแล้วก็ดูอวบอ้วนน่ากิน ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าคนส่วนใหญ่มักจะซื้อเลือดกินถั่วงอกที่อวบอ้วนแล้วเก็บไว้ได้นานแต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าถั่วงอกชนิดนี้หรือถั่วงอกแบบนี้นั้น

จะมีสารปนเปื้อนเข้าไปด้วย เรามักจะไม่ค่อยเห็นว่าคนที่กินถั่วงอกแล้วจะมีอาการรุนแรงถึงขนาดเสียชีวิตได้แต่ก็เถียงไม่ได้ว่าบางคนที่กินเข้าไปแล้วอาจจะทำให้เกิดอาการท้องเสียหรืออาเจียนได้เพราะฉะนั้นก็ถือว่าถูกนอกนั้นก็ยังสร้างอันตรายให้กับมนุษย์เราได้ทางที่ดีเราก็ควรจะมีการหลีกเลี่ยงการกินถั่วงอกออกไปเลยทักเราอยากกินถั่วงอกนั้น

ให้เรานำถั่วงอกมาปรุงให้สุกซะก่อนแต่ควรจะงดการกินถั่วงอกดิบกันเด็ดขาดที่สำคัญเวลาที่เราเลือกซื้อถั่วงอกมากินนั้นถ้าถั่วงอกมันดูข่าวมากจนเกินไปก็ไม่ควรที่จะซื้อมากินเพราะมั่นใจได้เลยว่านั่นคือไม่มีการแค่สารที่ทำให้ขาว 

 

สนับสนุนโดย  sagame ทดลอง

คุณหมอเชื่อว่าการระบาดของโควิด-19 จะต้องมีรอบสองแน่นอน

คุณหมอเชื่อว่าการระบาดของโควิด-19 จะต้องมีรอบสองแน่นอน เพราะเมื่อมีการผ่อนปรนเมื่อไหร่ก็มีคนติดไวรัสเมื่อนั้น

          ในช่วงระยะเวลาหลังหลังมานี้ ทางรัฐบาลนำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะมีการแจ้งผ่อนปรนอยู่เรื่อยเรื่อยเนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโรคไวรัสเริ่มดีขึ้นตามลำดับ แต่อย่างไรก็ตามเรื่องของการผ่อนปรนนี้ ได้มีนายแพทย์ของทางโรงพยาบาลศิริราช ออกมาพูดถึงเรื่องที่ทุกครั้งที่มีการผ่อนปรนประชาชนก็จะเริ่มกลับไปสู่สภาวะปกติมากขึ้น

และเมื่อพวกเขากลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้วการป้องกันต่างๆก็จะเริ่มละหลวมขึ้นเรามักจะเห็นว่าบางครั้งที่เราออกไปนอกบ้านเราจะเริ่มตัวผู้คนที่ไม่ยอมใส่หน้ากากอนามัยกันแล้วซึ่งสาเหตุนี้เองที่พูดถึงว่าหากมีการผ่อนปรนเมื่อไหร่เชื้อไวรัสก็จะกลับมาระบาดใหม่อีกครั้งหนึ่งซึ่งคุณหมอเองได้พูดถึงว่าการระบาดนั้นไม่ใช่เป็นการระบายแค่เพียงจาก 1 เป็น 2 เท่านั้นแต่มันสามารถระบาดหนัก 1 แล้วกลายเป็นจำนวนมากโดยที่เราไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าจะเป็น 100 หรือ 200 หรือว่า 300 แน่

เพราะจำนวนคนที่ติดเชื้อนั้นอาจจะมากทวีคูณโดยที่เราไม่สามารถคำนวณเป็นตัวเลขได้เลยดังนั้นทุกครั้งที่มีการให้รัฐบาลปลดล็อคหรือผ่อนปรนให้กิจการต่างๆนั้นกลับมาเปิดให้บริการตามปกติได้ทุกคนจึงต้องร่วมมือร่วมใจกันในการที่จะยังต้องมีการควบคุมการแพร่ระบาดด้วยตนเองเช่นการที่เราต้องยังสวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่เสมอเมื่อเวลาออกจากบ้านหรือการที่เรายังต้องทำความสะอาดล้างมือบ่อยครั้งหรือการใช้เจลอนามัยล้างมือก็ตามสิ่งเหล่านี้

จะช่วยให้เราไม่ต้องมาพบกับการระบาดของไวรัสโคโรน่ารอบ 2 ที่จริงแล้วเรามีประเทศตัวอย่างหลายประเทศที่มีการระบาดและสามารถกลับนาปลดล็อคดาวให้ประชาชนออกมาใช้ชีวิตได้ตามปกติไม่ว่าจะเป็นประเทศญี่ปุ่นหรือประเทศเกาหลีใต้รวมถึงประเทศจีนซึ่งประเทศเหล่านี้กำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของการระบาดของไวรัสรอบ 2 ด้วยกันทั้งสิ้นเพราะเมื่อเรามีการปลดล็อคดาวน์ผ่อนปรนให้ชาวบ้านได้ออกมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ พวกเขาก็จะกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม

เช่นเมื่อเราไม่ยอมเปิดสถานบันเทิงให้กับพวกเขา เขาจะได้ไปผ่อนคลายเครียดจากการทำงานดังนั้นเขาก็จะหาสถานที่สำหรับการผ่อนคลายด้วยตัวของเขาเองไม่ได้ก็คืออาจจะมีการจัดกินเลี้ยงสังสรรค์ที่บ้านโดยการเชิญเพื่อนที่ทำงานหรือเพื่อนคนรู้จักมานั่งกินเลี้ยงกันซึ่งแน่นอนว่าเวลาที่ทุกคนอยู่ภายในบ้านพักของตนเองนั้นคุณจะไม่สวมใส่หน้ากากอนามัยและนี่คือข้อที่น่ากลัวอย่างหนึ่งเพราะเมื่อคนใดคนหนึ่งเกิดติดเชื้อมาจากที่อื่นโดยที่ยังไม่รู้ตัวแล้ว

ไปร่วมงานเลี้ยงกับบ้านหลังดังกล่าวการแพร่ระบาดและกระจายเพิ่มมากขึ้นแล้วสิ่งที่น่ากลัวที่กำลังจะเกิดขึ้นก็คือการที่จะมีการเปิดเทอมให้กับเด็กนักเรียนเพราะอย่างที่รู้กันว่าเด็กนักเรียนนั้นไม่สามารถควบคุมตนเองให้เว้นระยะห่างกับเพื่อนได้อยู่แล้วเด็กจะห่วงที่จะเล่นกับเพื่อนและแน่นอนว่าเมื่อคนหนึ่งมีเชื้อไวรัสเข้าไปในโรงเรียนมันแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วมากเลยทีเดียวและนี่เองที่จะเป็นสาเหตุให้ประเทศไทยอาจจะกลับมามีการระบาดของไวรัสโคโรน่ารอบ 2

ซึ่งถ้ามีรอบสองเมื่อไหร่ความน่ากลัวก็จะมาเยือนทันทีเพราะเงินที่รัฐบาลช่วยเหลือประชาชนนั้นก็หมดลงไปแล้วรวมถึงสถานพยาบาลต่างๆปัจจุบันนี้ก็มีผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสมรณะตามโรงพยาบาลแล้วดังนั้นถ้ามีมาใหม่เป็นแบบดับเบิ้ลแล้วก็จำนวนคนตายจากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสามารถขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  สูตร sagame