ดูแลคนแก่ในบ้านอย่างไรให้มีความสุข

ในสมัยนี้ถือได้ว่าต่างคนต่างต้องมีภาระหน้าที่เป็นของตัวเองซึ่งจะต้องออกไปดำเนินการทำงานหรือกระทำการต่างๆเพื่อเป็นการหาเลี้ยงครอบครัวแต่ว่ามีจำนวนของผู้สูงอายุไม่น้อยเลยเหมือนกันที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่อย่างนั้นหากที่บ้านคุณมีผู้สูงอายุไม่ว่าจะเป็นคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายก็ตามเท่ากับว่าคุณจะต้องเอาใจใส่พวกท่านเป็นอย่างดี

หากท่านมีความสุขก็เท่ากับว่าเราก็จะมีความสุขไปด้วยและให้สมาชิกภายในครอบครัวของเรามีความสุขไปด้วยเช่นกันแต่ถ้าหากว่าบ้านของเรานั้นมีผู้เจ็บป่วยอยู่ในบ้านไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุมีใครก็ตามก็ปล่อยทำให้เรามีความเหนื่อยและทำให้บรรยากาศภายในบ้านแย่ไปด้วยเช่นกัน

ดังนั้นการดูแลผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุภายในบ้านให้มีความสุขและมีความแข็งแรงถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ดีแต่คนในบ้านควรที่จะดูแลเอาใจใส่ท่านเป็นอย่างดีเพื่อที่จะทำให้ทุกคนภายในบ้านมีความสุข

วิธีการดูแลผู้สูงอายุมีดังนี้

คุณพาท่านออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์บ่อยๆ

ท่านรู้หรือไม่ว่าการได้ไปสัมผัสอากาศที่บริสุทธิ์นั้นจะเป็นการช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคร้ายต่างๆโดยสถานที่ต่างๆที่ท่านควรพาไปนั้นได้แก่สวนสาธารณะหรือสถานที่ท่องเที่ยวที่ทำให้บรรยากาศนั้นดีสามารถสูดบรรยากาศได้หรืออาจจะเป็นการปรับภูมิทัศน์ภายในบ้านให้มีความปลอดโปร่งสะอาดยิ่งไปกว่านั้นแล้วจะต้องมีอากาศถ่ายเทอย่างสะดวกอาจจะมีการปลูกต้นไม้จัดเก็บสิ่งปฏิกูลให้เหมาะสมเพราะมันจะเป็นสาเหตุแห่งการแพร่กระจายของเชื้อโรคต่างๆโดยการทำความสะอาดที่ดีนั้นหากมีความสะอาดมากพอจะช่วยลดในโลกของภูมิแพ้หรือหอบหืดได้

หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำลายสุขภาพของผู้สูงอายุ

การทำลายสุขภาพของผู้สูงอายุต่างๆนั้นสามารถเกิดได้จากหลายวิธีด้วยกันแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือสิ่งที่อยู่รอบรอบตัวของเราซึ่งเราควรที่จะระมัดระวังในการทำกิจกรรมต่างๆเพราะมันมีผลส่งต่อปัญหาของสุขภาพของผู้สูงอายุซึ่งสิ่งเหล่านั้นได้แก่บุหรี่และสุราทั้งสองสิ่งนี้จะเป็นการสร้างการเกิดโรคต่างๆได้มากมาย

ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุสำหรับผู้สูงอายุ

การทำความสะอาดบ้านถือเรียกว่าเป็นเรื่องที่สำคัญซึ่งเราไม่ควรปล่อยให้บ้านมีพื้นที่ลื่นเพราะมันเสี่ยงต่อผู้สูงอายุที่จะลื่นล้มดังนั้นการทำความสะอาดถือได้ว่าเป็นเรื่องที่สำคัญและไม่ควรวางสิ่งของเกะกะบริเวณทางเดินของบ้านเพราะห่างบ้านคุณมีผู้สูงอายุแล้วสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดอันตรายเป็นอย่างยิ่งจะเห็นได้ว่าผู้สูงอายุมีสายตาที่ไม่ค่อยจะดีนะและยังมีกล้ามเนื้อที่ไม่ค่อยจะแข็งแรงสักเท่าไหร่ดังนั้นหากวางสิ่งของที่เกะกะหรือทำให้สามารถลื่นล้มได้ง่ายก็จะทำให้ผู้สูงอายุเกิดอันตรายได้ง่ายเช่นกันเพื่อลดปัญหาเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้เราจึงควรจัดฟางข้าวของให้เป็นระเบียบและทำความสะอาดอยู่บ่อยครั้ง

แนะนำการดูแลตัวเอง

แนะนำการดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากเชื้อไวรัสโควิด -19

             กำลังเป็นที่หวาดกลัวสำหรับคนทั้งโลกเลยก็ว่าได้สำหรับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด -19 ที่มีการเริ่มแพร่ระบาดมาตั้งแต่ปลายปี 2019 จนมาถึงปัจจุบันเข้าสู่ปีที่ 20 แล้วและผ่านมาหลายเดือนแล้ว ยังไม่มีทีท่าว่าจะสามารถปัองกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรสนี้ได้ นับวันเชื้อไวรัสยิ่งมีความทวีคุณ ความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

และมีความน่ากลัวมากยิ่งขึ้นเพระตอนนี้เชื้อไวรสดังกล่าว สามารถกลายพันธ์ให้เชื้อมีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม โดยตอนนี้มีอยู่สองสายพันธ์ที่กำลังระบาดอย่างหนักและมีอยู่หนึ่งสายพันธ์ที่จะส่งผลต่อระบบประสาทของคนเราได้ด้วย ซึ่งยิ่งนานวันไปเชื้อโรคก็ยิ่งลุกลามขยายพื้นที่คนเป็นการมากขึ้น จากเดิมที่เป็นจากคนส่งต่อไปคน

ต่อมาก็ลามไปเป็นคนส่งต่อไปยังสัตว์เลี้ยงได้ด้วย ดังนั้น วันนี้เราจึงจะมาแนะนำวิธีการเตรียมรับมือกับเชื้อไวรัสโควิด -19 นี้กันก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดกันมากไปกว่านี้ สำหรับการดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากเชื้อไวรัสโควิดนั้น

  • พยายามไม่ไปอยู่ในบริเวณที่มีคนพลุกพล่าน หนาแน่น  เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่าคนทีเดินอยู่ข้างเรา หรือคนที่เดินสวนทางไปมากับเรานี้ใครมืเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่ในร่างกายบ้างเพราะตัวคนที่เป็นเองก็อาจจะยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าตนเองเป็น ดังนั้นการป้องกันตัวเองที่ดีที่สุดคือไม่ควรไปในจุดที่มีคนเยอะ
  • ต้องมีการใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่มีการเดินทางออกไปนอกบ้าน ถึงแม้ว่าสถานที่ที่เราจะไปนั้นจะใกล้ใกล้เช่นการไปซื้อของที่ร้านเซเว่นก็ตามเพราะทุกทีในปัจจุบันสามารถมีเชื้อไวรัสอยู่ได้ทุกที
  • ควรหมั่นทำความสะอาดมือของตัวอยู่เสมอ ล้างมือบ่อยบ่อย หรือจะล้างด้วยเจลฆ่าเชื้อก็ได้  หากเราออกไปข้างนอกและไปจับหรือสัมผัสกับอะไรมา อย่าเพิ่งจับหน้าหรือหยิบอะไรเข้าปากก่อนที่เราจะได้ล้างมือเสียก่อนเพื่อเป็นการป้องกันการรับเชื้อโรคเข้าปากโดยไม่รู้ตัว
  • การกินอาหารต้องเลือกรับประทานอาหารทีมีการปรุงสุกใหม่เท่านั้น เพราะความร้อนจะสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ หากปล่อยให้อาหารเย็น อาจจะมีเชื้อโรคปนมาตอนไหนก็ได้ และควรงดทานของดิบ เช่นข้าวหน้าปลาเซลมอน เพราะอาจะมีเชื้อโรคปนอยู่ได้
  • อย่าใช้ของร่วมกับคนอื่น เพราะตอนนี้เชื้อไวรัสกำลังระบาดดังนั้นเราเองก็ไม่รู้ว่าใครติดเชื้อไวรัสแล้วบ้างเพื่อความปลอดภัยของตัวเองและของคนอื่น อย่างใช้สิ่งของร่วมกันกับใคร เช่นแก้วน้ำ 

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เว็บพนันออนไลน์2020

โรคที่เป็นภัยเงียบเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต

โรคกระดูกพรุน บางทีอาจมีอันตรายถึงชีวิตถ้าหากปล่อยปะไม่เอาใจใส่ไม่สังเกตอาการ หรือไม่รีบรักษา ผู้สูงอายุเสี่ยงกว่าวัยอื่นรวมทั้งจากสถิติพบว่าโรคกระดูกพรุนคือปัญหาสาธารณสุขอันดับ 2 ของโลก รองจากโรคหัวใจแล้วก็หลอดเลือด

สิ่งที่ทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน

ต้นเหตุของการเกิดโรคกระดูกพรุนมาจากการที่ร่างกายขาดแคลเซียม รวมทั้งในแต่ละตอนวัยได้รับแคลเซียมในจำนวนที่ไม่เหมาะสมรวมทั้งอายุที่มากขึ้นที่ทำให้มวลกระดูกเสื่อมลงตามวัย กระดูกของผู้คนจะมีความหนาแน่นสูงสุดที่อายุโดยประมาณ 30 ปี แล้วก็ จะคงที่อยู่ระหว่าง 30-40 ปีและก็มวลกระดูกจะลดน้อยลงเรื่อยๆทุกปีต่อไปจนตราบเท่าวัยหมดประจำเดือนในสตรี จะมีการลดน้อยลงของมวลกระดูก อย่างเร็ว แล้วก็ เมื่ออายุมากกว่า 65 ปี มวลกระดูกจะลดต่ำลงจนกระทั่งจุดมีความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหัก

สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่ทำให้มวลกระดูกลดน้อยลง

-อายุที่มากขึ้น (โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีวัยหมดประจำเดือน)

-รับแคลเซียม / ร่างกายซึมซับแคลเซียมไปใช้ได้ไม่พอ

-ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน-หรือดื่มแอลกอฮอล์

-สูบบุหรี่

-ประทานยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ฯลฯ

อันตรายของโรคกระดูกพรุน

อาจารย์นายแพทย์เทพรักษา เหมพรหมราช แพทย์ผู้ที่มีความชำนาญด้านกระดูกรวมทั้งข้อ โรงพยาบาลจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยข้อมูลน่าสนใจเกี่ยวกับสถิติของโรคนี้ว่าผู้เจ็บป่วยที่กระดูกสะโพกหัก จะได้โอกาสเสียชีวิตในปีแรกราว 20% แล้วก็ 50% จะเสียชีวิตข้างใน 6 ปี ยิ่งกว่านั้น โรคกระดูกพรุนยังส่งผลให้เกิดลักษณะของการปวดข้างหลัง หลังโก่งงอ ขยับเขยื้อนลำบาก หายใจติดขัด ปอดปฏิบัติงานได้ไม่ดี มีลักษณะอาการอ่อนเพลียง่าย ก่อให้เกิดทุพพลภาพหรือบางทีอาจถึงขั้นเสียชีวิตในที่สุด

สัญญาณอันตราย “กระดูกพรุน”

จริงๆแล้วโรคกระดูกพรุนเป็นภัยเงียบที่เกือบจะไม่มีการแสดงอาการอะไรให้เห็นได้ชัดเจนเลยเพราะเหตุว่าการที่มวลกระดูกของพวกเราจะบาง หรือเสื่อมลงเป็นกรรมวิธีการที่เกิดขึ้นเป็นระยะเวลาต่อเนื่องยาวนานเป็นปี โดยไม่สามารถที่จะมองเห็นได้ แต่ว่าแม้เริ่มออกอาการหลังโค้งงอกระทั่งมองหลังค่อม แล้วก็ดูตัวเตี้ยลงอย่างชัดเจนรวมทั้งหากประสบอุบัติเหตุจนกระทั่งมีลักษณะท่าทางว่ากระดูกบางทีอาจจะหัก ควรจะรีบให้แพทย์ตรวจรักษาอย่างถูกแนวทาง

อาหารไทยในชีวิตประจำวัน จำนวนแคลเซียมบางทีอาจน้อยเกินไป

ข้อมูลที่ได้รับมาจากกองพินิจพิจารณาอาหาร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้พินิจพิจารณาปริมาณแคลเซียมในอาหารของไทย พบว่าอาหารภาคกลาง มีจำนวนแคลเซียมไม่พอต่อสภาพทางด้านร่างกาย โดยมีจำนวนแคลเซียมเฉลี่ยต่อวันต่ำที่สุดเพียงแต่ 156 มิลลิกรัมต่อวันเพียงแค่นั้นส่วนของกินของภาคเหนือ มีปริมาณแคลเซียมเฉลี่ยสูงที่สุดอยู่ที่ 251.8 มิลลิกรัมต่อวัน

 

สนับสนุนโดย  แทงบอลออนไลน์2020

วิธีที่จะทำให้คุณนั้นเป็นคนที่มีสุขภาพที่ดี

จะเห็นได้ว่ามีคนหลายคนมากที่มีการตั้งเป้าหมายให้กับตนเองว่าตัวเองนั้นจะมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้นมาได้ แต่พวกเขานั้นก็ยังไม่เห็นจะลงมือทำอะไรสักอย่าง สำหรับบางคนแค่คิดเพียงเท่านั้น แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะลงมือแม้แต่ครั้งเดียวเลย แต่ก็มีบางคนที่ลงมือทำแล้วและก็ล้มเลิกเพียงแค่ข้ออ้างที่ไม่มีเวลาบ้างหรือท้อบ้างนั่นเอง ดังนั้นวันนี้เรามาหาวิธีง่ายๆที่จะช่วยให้คุณนั้นมีสุขภาพที่ดีกัน

อันดับแรกนั้นก็คือวิธีการทานผักและน้ำเปล่านั่นเอง

หากจะทานอะไรที่เป็นประโยชน์กับร่างกายสูงที่สุดก็คงจะไม่พ้น บรรดาผักผลไม้ หรือ น้ำดื่ม นั่นเองชาวไทยในยุคสมัยนี้ส่วนมากจะมีการกินที่ติดหวาน จำเป็นต้องบอกก่อนว่าบางคนไม่ได้ตั้งใจที่จะติดของหวาน แต่ว่าด้วยในขณะที่เร่งรีบไปหมด ทำให้ไม่มีเวลาเลือกรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์สักเท่าไร และก็ส่วนใหญ่ของกินที่เป็นจานด่วนนั้น ก็จะเต็มไปด้วยไขมันและก็น้ำตาลสูงมาก เพราะฉะนั้นควรต้องวางแผนรวมทั้งปรับพฤติกรรมของตัวเราเองซะก่อน อาหารจานด่วนทานได้แต่ว่าก็ควรที่จะทานให้พอดิบพอดี ไม่มากเกินไป ถ้าหากเลือกได้ควรจะเพิ่มผักต่างๆลงไปในแต่ละมื้อให้มากขึ้นอีกด้วย

อันดับต่อไปก็ควรที่จะปรับเปลี่ยนการกินให้ดี

การที่พวกเราจะมีร่างกายแข็งแรงได้นั้น หนึ่งในปัจจัยสำคัญอยู่ที่การกินเพราะว่าหากพวกเรารับประทานแต่สิ่งที่ดีเป็นประโยชน์ร่างกายของเราก็จะได้รับแต่สารอาหารที่ดีๆด้วยเช่นกัน อาจจะพูดได้ว่าสำหรับในบางคนนั้นพวกเขาชอบกินแต่อาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายเอาเสียเลย ซึ่งเป็นเหตุให้ร่างกายจะทำงานหนักในการขับสิ่งไม่ดีออกไปนั่นเองวิธีการรับประทานอย่างที่เราเคยเรียนมาแบบง่ายๆนั้นก็คือเราควรเลือกทานอาหารให้ครบ 5 หมู่นั่นเอง เพื่อให้ได้อาหารที่ครบถ้วนและหลากลาย เราควรเน้นโปรตีนรวมทั้งคาร์โบไฮเดรตที่มีคุณประโยชน์ ของหวานหรือขนมประเภทไหนที่ให้พลังงานที่สูงมากก็ควรจะเลี่ยงหรือรับประทานให้น้อยลง เครื่องดื่มก็สั่งเป็นแบบหวานน้อยเพื่อลดน้ำตาลลง อาจจะไม่อร่อยอย่างเดิม แต่สุขภาพที่ได้กลับมานั้นจะดีขึ้นอย่างแน่นอน

การดูแลร่างกายหรือทานอาหารให้ครบทั้ง 5หมู่นั้นไม่ยากอย่างที่เราคิดหรอกนะ แต่มันอยู่ที่ตัวเรานั้นแหละที่จะเลือกปฏิบัติหรือไม่ เพราะส่วนใหญ่ที่เราเห็นๆกันอยู่นั้นมักจะไม่ค่อยที่จะเลือกทานกันสักเท่าไหร่ นอกจากจะทานไม่เลือกแล้วยังไม่เคยที่จะออกกำลังกายกันอีก

ดูแลสุขภาพร่างกายเช่นไรให้ห่างไกลจากโรคช่วงหน้าหนาว

โดยทั่วไปแล้ว ในช่วงปลายปีและก็ต้นปี อากาศจะหนาวกว่าช่วงอื่นๆในทุกภาค ซึ่งกลุ่มเด็กแล้วก็คนชรา จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมากยิ่งกว่าคนวัยทำงาน เนื่องจากว่ามีภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอกว่า ถ้าหากมีการติดเชื้อเพียงเล็กน้อย ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีอาการแพร่กระจายบานปลาย ตัวอย่างเช่น จากไข้หวัด กลายเป็นโรคปอดบวม หรือไข้หวัดใหญ่ได้

แนวทางที่ช่วยเสริมสุขภาพให้แข็งแรงในช่วงฤดูหนาว

การสวมใส่เสื้อผ้าที่มีความหนาและทำให้ร่างกายอบอุ่นอยู่เสมอ

การนุ่งห่มร่างกายด้วยเสื้อผ้าที่หนาขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตอนช่วงเวลากลางวันหรือช่วงกลางคืนเป็นสิ่งสำคัญที่ห้ามมองข้าม โดยเด็กแล้วก็คนสูงอายุผิวจะแห้ง ระคายเคืองง่าย จำเป็นที่จะต้องให้สวมเสื้อผ้าแขนยาวรวมทั้งสวมถุงเท้า เพื่อช่วยสำหรับในการรักษาอุณหภูมิตามศาสตร์แพทย์แผนจีน ถ้าหากมีการออกนอกบ้าน ควรจะให้พันคอด้วยผ้าไหมหรือใส่หมวกไหมพรม จะป้องกันอาการหวัดมีน้ำมูกหรือไม่สบายได้ดีขึ้น

ควรทานอาหารที่มีวิตามินซีสูง

ควรจะเสริมวิตามินซีจากธรรมชาติ นั้นก็คือ ส้ม มะเขือเทศ มะนาว ฝรั่ง รวมทั้งผักใบเขียว ที่มีการวิจัยว่าสามารถเสริมประสิทธิภาพหลักการทำงานของเม็ดเลือดขาว ช่วยต่อต้านการติดเชื้อไวรัสรวมทั้งแบคทีเรียได้ดียิ่งขึ้น ถ้าหากไม่สะดวกจะกินวิตามินซีแบบเม็ดวันละ 500 ถึง 1000 มิลลิกรัม ราคาเฉลี่ยเม็ดละ 5-10 บาท ก็จะช่วยให้ร่างกายห่างไกลจากปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพในช่วงฤดูหนาวได้ดีขึ้น

ดื่มเครื่องดื่มที่มีความอุ่น

ในช่วงอากาศเย็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่อยู่ภาคเหนือ จะนิยมดื่มชาร้อนตลอดทั้งวัน เพื่อช่วยให้ควบคุมอุณหภูมิในร่างกายได้ดียิ่งขึ้น หรือเลือกกินน้ำผลไม้สูตรร้อน ยกตัวอย่างเช่น น้ำมะตูม น้ำขิง น้ำเก๊กฮวยช่วงเวลาเช้าและก็บ่าย ก็จะสามารถช่วยให้รู้สึกสบายตัวมากขึ้น ที่สำคัญควรจะงดเว้นการกินน้ำเย็นหรือน้ำแข็งในช่วงนี้ด้วย

เพิ่มการเผาผลาญด้วยการออกกำลังกาย

การกระตุ้นระบบเมตาบอลิซึมของร่างกายด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ 15-30 นาทีทุกๆวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเช้า จะมีผลให้ร่างกายมีการกระตุ้นหลักการทำงานของเซลล์ในอวัยวะต่างๆให้สมดุลอยู่เสมอ ระบบฮอร์โมนและก็สารเคมีจะทำงานได้ดีขึ้น อีกทั้งได้กระตุ้นการเผาผลาญ เสริมสร้างความอบอุ่นอย่างเป็นธรรมชาติได้ โดยควรจะเลือกให้เหมาะสมกับวัย อย่างเช่น การเดิน การเล่นโยคะ เป็นต้น

การดูแลรักษาสุขภาพ ให้กับทุกคนในครอบครัวในช่วงฤดูหนาวเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ป่วยติดเตียง คนที่มีโรคประจำตัว เด็ก คนชรา นอกจากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ด้านการแพทย์ยังแนะนำให้มีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ในตอนที่มีการระบาดด้วย

ในช่วงฤดูหนาวเราจะต้องดูแลสุขภาพให้ดีเพื่อจะได้ไม่เจ็บป่วย

เนื่องจากฤดูหนาวนั้นมักจะมีอากาศที่หนาวและเย็นกว่าฤดูอื่นๆซึ่งในบางครั้งเรานั้นก็จะเจอทั้งแดดและฝนอีกด้วย ซึ่งในบางคนที่มีร่างกายที่อ่อนแอนั้นมักจะป่วย โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุสูงๆหรืออาจะเป็นบุคคลที่มีโรคประจำตัว อาทิเช่น โรคภูมิแพ้ โรคหอบ เป็นต้น หากมีอาการกำเริบและก็ทำให้ทรุดหนักจากการได้รับเชื้อแทรกซ้อนได้พวกเรามาดูกันว่าจะมีแนวทางใดที่สามารถช่วยส่งเสริมสุขภาพให้ดีขึ้น ป้องกันโรคภัยในช่วงฤดูหนาวได้เป็นอย่างดี

ควรทานอาหารที่มีวิตามินซีสูง

ผักสีเขียว ยกตัวอย่างเช่น ผักคะน้า ผักกาดเขียว ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น สับปะรด ส้ม มะนาว ผลไม้จำพวกเบอร์รี่ฝรั่ง ช่วยกระตุ้นหลักการทำงานของเม็ดเลือดขาวให้ดีขึ้นได้ และยังป้องกันการติดเชื้อไวรัสที่แพร่ระบาดในช่วงฤดูหนาวได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายในช่วงฤดูหนาวเป็นเรื่องที่ยากสำหรับหลายๆคน เนื่องจากอากาศดีน่านอน แต่ว่าก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องแบ่งเวลาออกกำลังกายอย่างต่ำวันละ 30 นาทียกตัวอย่างเช่น การเดินเร็ว กระโดดเชือก ขี่จักรยานหรือเดินแกว่งแขน สามารถกระตุ้นหลักการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรงยิ่งขึ้น รวมทั้งยังช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญ ลดน้ำหนักไปในตัวด้วย

การหลีกเลี่ยงที่ชุมนุมชน

ในตอนที่อากาศเปลี่ยนแปลง ถ้าหากมาอยู่รวมกันในที่ชุมชน ได้แก่ ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนต์ ห้องอาหารห้องแอร์ ที่อากาศระบายไม่ดี จะมีโอกาสได้รับเชื้อโรคนานานชนิดเข้าสู่ร่างกายมาก ซึ่งในช่วงฤดูหนาวจะเป็นเวลาที่หลายท่านพากันท่องเที่ยวกับครอบครัว ก็เลยจำเป็นต้องระมัดระวังสุขภาพเยอะขึ้น ควรจะเลือกสถานที่ท่องเที่ยวที่มีอากาศปลอดโปร่งบริสุทธิ์ ยกตัวอย่างเช่น แนวธรรมชาติ น้ำตก ภูเขา แม่น้ำ จะไม่เป็นอันตรายนั่นเอง

การล้างมือให้บ่อยครั้ง

โรคที่ติดเชื้อที่มักพบในช่วงฤดูหนาว ส่วนหนึ่งมาจากแบคทีเรียที่มือพวกเราสัมผัสสิ่งต่างๆแล้วจับของกิน ก็เลยติดเชื้อในลำไส้ ทำให้ท้องเสีย รวมทั้งเสี่ยงเป็นโรคผิวหนังด้วย การล้างมือเป็นประจำจึงเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่สามารถช่วยทำให้ไกลห่างโรคได้ โดยจะต้องล้างให้สะอาดระหว่างง่ามนิ้วเล็บและก็รอบๆข้อมือด้วย

สวมเสื้อผ้าหนาเพียงพอ

การที่มีอุณหภูมิที่หนาวเย็นกว่าปกติ จำเป็นจะต้องใส่เสื้อผ้าหลายชั้น สวมถุงเท้าแล้วก็หมวกไหมพรมในเวลาเข้านอน ก็จะช่วยให้ร่างกายมีอุณหภูมิที่อุ่นขึ้น โดยยิ่งไปกว่านั้นเด็กตัวเล็กๆและผู้สูงอายุ ควรจะมีคนดูแลเพิ่มผ้าพันคอไหมพรม และใส่ชุดคลุมแขนยาวเสมอเมื่อจะต้องออกนอกบริเวณบ้าน