กินอะไรบ้างที่จะเป็นการบำรุงตับของเรา

อวัยวะที่สำคัญต่อร่างกายของเรานั้นก็คือตับนั่นเอง เพราะตับนั้นทำหน้าที่กำจัดบรรดาสารพิษที่ปนมากับอาหารที่เรานั้นทานเข้ามาโดยที่เรานั้นไม่ได้เลือกทานนั่นเอง หากตัวเรานั้นได้มีการเลือกทานอาหารอย่างเหมาะสมแล้ว ก็จะมีสารพิษที่ตกค้างที่ตับของเราน้อยลง ซึ่งนั้นก็จะส่งผลให้สุขภาพของเราดีขึ้นได้

ซึ่งเรานั้นจะต้องเลือกอาหารที่ดีต่อร่างกายของเราเพื่อจะได้ไม่เสี่ยงให้ตับของเรานั้นมีปัญหา โดยวิธีการง่ายๆดังนี้

อาหารที่ดีต่อตับของเราและควรที่จะนำมาทานนั่นก็คือ

อาหารที่ตับของเรานั้นต้องการก็คงไม่พ้นกลุ่มของผัก โดยส่วนใหญ่แล้วตับจะชอบผักใบเขียวทั้งหลาย อย่างเช่น กะหล่ำปลี ดอกกะหล่ำ บรอกโคลี เป็นต้น

ซึ่งหากเรานั้นได้ทานอาหารประเภทผักใบเขียวแล้วจะดีต่อร่างกายของเราด้วยเพราะมันจะกำจัดไขมันร้ายที่สะสมในเซลล์ตับได้ ซึ่งนั้นก็จะเป็นการที่ทำให้ตับของเรานั้นทำงานได้เต็มที่และจะก่อให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งมีผลวิจัยที่บ่งบอกว่าเอนไซม์ที่แสดงถึงการอักเสบของตับนั้น หากเรามีการรับประทานอย่างต่อเนื่อง 1-2 เดือน จะเห็นผลว่าลดลงได้อย่างชัดเจนด้วย

สำหรับใครที่มีความชื่นชอบที่จะรับประทานเครื่องเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขมิ้นจะได้รับประโยชน์ต่อตับเป็นอย่างมากเนื่องจากว่าในขมิ้นมีสารเคอร์คูมินที่มีสรรพคุณต่อต้านโรคมะเร็งแล้วก็ต้านอนุมูลอิสระสูงทั้งยังช่วยเพิ่มการสร้างสารที่ดีในตับที่มีชื่อว่า glutathione โดยมันจะช่วยในการป้องกันตับในการกำจัดเหล่าสารพิษนั่นเอง

นอกจากนั้น ควรที่จะทำการเลือกดื่มเครื่องดื่มสำหรับดูแลสุขภาพ อย่าง ชาเขียว ที่มีการศึกษาพบว่า เป็นสมุนไพรที่มีสารปกป้องตับ ที่เรียกว่าคาเทชิน ทำให้ลดไขมันที่สะสมในตับ และก็ยังลดการเสี่ยงการเป็นโรคโรคมะเร็งที่ตับได้ด้วย โดยสามารถดื่มบ่อยๆได้ถึงวันละ 4 ถ้วย แต่ว่าก็เน้นว่าควรจะเป็นสูตรชาเขียวจากธรรมชาติ ไม่ผสมน้ำตาลหรือแต่งสีรวมทั้งกลิ่นสังเคราะห์ เพื่อให้มีความปลอดภัยต่อร่างกายในระยะยาว

เราควรที่จะหลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นอันตรายต่อตับ และนอกจากการที่เรานั้นรับประทานอาหารที่ดีแล้ว ยังมีกลุ่มอาหารที่ควรจะหลีกเลี่ยงเพราะว่ามีผลร้ายต่อเนื้อเยื่อในตับ อาทิเช่น อาหารกลุ่มปิ้งย่างที่ใช้ไฟแรง ทำให้มีส่วนไหม้เกรียมนั้นเอง ซึ่งจะเป็นการทำให้สารพิษเหล่านั้นไปทำร้ายกับเซลล์ตับและมันยังเป็นการเสี่ยงสูงที่จะเป็นมะเร็งในตับได้อีกด้วยนะ

เราจะดูแลสุขภาพอย่างไรเพื่อให้ไกลจากโรคความดันสูง

เราจะเห็นได้ว่าโรคความดันโลหิตสูงนั้นเป็นปัญหาสุขภาพของคนไทยแล้วก็คนอื่นๆทั่วโลก ซึ่งเดิมทีเรานั้นจะพบกับกลุ่มที่เป็นผู้สูงอายุนั่นเอง โดยจะมีสาเหตุมาจากการเสื่อมสภาพของร่างกายตามธรรมชาติ แต่ว่ามีผลการศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยที่ยืนยันว่า ในปัจจุบัน กลุ่มของผู้คนที่อายุน้อยลง เช่น วัยรุ่น วัยทำงาน เป็นภาวะความดันโลหิตสูงเพิ่มมากขึ้น เนื่องมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน การบริโภคที่ไม่เหมาะสมแล้วก็การขาดการออกกำลังกาย

วิธีการดูแลร่างกายให้ห่างไกลจากโรคความดันโลหิตสูงมีดังต่อไปนี้

การออกกำลังกายบ่อยๆ สำหรับการออกกำลังกายจะช่วยสำหรับในการสร้างสมดุลของระบบหัวใจและก็เส้นเลือด ให้ทำงานเป็นปกติยิ่งขึ้น ช่วยในการสลายไขมันส่วนเกิน รวมทั้งลดระดับไขมันที่อุดตันในเส้นเลือด หรือโคเรสเตอรอลที่อุดตันหลอดเลือดทำให้มีความเสี่ยงต่อสภาวะหัวใจวาย

ผู้ที่มีความชำนาญด้านที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพแนะนำให้ออกกำลังกายวันละครึ่งชั่วโมง เป็นประจำหรือบ่อยๆหรืออย่างน้อย 150 นาทีต่ออาทิตย์ ตามความเหมาะสมของพื้นฐานสุขภาพของแต่ละคน จะทำให้ระดับความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ 120/80 มากยิ่งขึ้น

การควบคุมอาหาร อาหารบางประเภทจะเพิ่มการเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีการเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูงจากพันธุกรรมอยู่แล้วจากการมีประวัติของคนภายในครอบครัวก็เลยจำเป็นต้องลดปริมาณของการรับประทานลง ได้แก่ อาหารที่มีเกลือเข้มข้นสูง ยกตัวอย่างเช่น ซีอิ๊ว น้ำปลา น้ำปลาร้า ซอสมะเขือเทศรวมทั้ง อาหารที่ใส่ผงฟู อาทิเช่น ขนมปัง ขนมเค้ก คุ้กกี้ หรือผงชูรสในของกิน ถ้าทำกับข้าวเอง จะต้องลดสัดส่วนของสารที่กล่าวมาอย่างน้อย 1 ในสาม ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข

การฝึกจิตใจให้ปล่อยวาง การมีปัญหาความเครียดแบบสะสมจะมีผลให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น หลอดเลือดหดเกร็งตัวแล้วไปเพิ่มระดับความดันโลหิตสูงให้สูงมากขึ้นซึ่งพวกเราอาจเคยได้ฟังข่าวสารว่าผู้ที่มีความเครียดมากจนทำให้ระดับความดันโลหิตสูงขึ้นได้นั่นเอง จนเป็นสาเหตุที่ทำให้หัวใจวายได้ การฝึกจิตใจด้วยการปล่อยวางเพื่อเป็นการลดความเครียดลง โดยอย่ามีความกดดันให้กันตนเองจนมากเกินไปรวมทั้งให้เวลากับการพักผ่อนให้มากขึ้น จะก่อให้ลดสภาวะเครียดได้ดียิ่งขึ้น

ควรเลิกสูบบุหรี่ การที่เรานั้นสูบบุหรี่ทำให้ร่างกายของเรานั้นได้รับสารนิโคตินมากจนเกินไป ซึ่งมันส่งผลให้ร่างกายของเรานั้นแย่ไปด้วย ซึ่งมันจะไปส่งผลให้หลอดเลือดของเรามีปัญหาได้