ไข้หวัดใหญ่มีแนวทางการรักษาอย่างไรบ้าง

ไข้หวัดใหญ่มีแนวทางรักษาเหมือนกับในโรคไข้หวัด  แนวทางการรักษาไข้หวัดใหญ่  ซึ่งที่สำคัญที่สุด ผู้ป่วยจะต้องนอนพักเยอะ ๆ กินน้ำในปริมาณมาก เพื่อคุ้มครองป้องกันภาวการณ์ขาดน้ำ (เมื่อไม่มีโรคจะต้องจำกัดน้ำ) ให้ยาลดไข้พาราเซตามอลหรือตามที่หมอเสนอแนะ (ห้ามใช้ยาแอสไพริน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็ก ด้วยเหตุว่าบางทีอาจมีการแพ้ยาแอสไพริน) ไม่สมควรรับประทานพวกยาปฏิชีวนะเองโดยที่ไม่ได้มาจากแพทย์สั่ง ในรายที่ร้ายแรงหรือกรุ๊ปเสี่ยง บางทีอาจรักษาโดยยาต้านทานเชื้อไวรัสตั้งแต่เริ่มป่วย

มีวิธีในการดูแลตัวเองเช่นไร 

– หยุดไปเรียน หรือ หยุดงาน แยกตัว และก็สิ่งของจากคนอื่น เพื่อพักและก็ลดโอกาสการกระจายเชื้อสู่คนอื่น

– นอนให้มากเข้าไว้

– รักษาสุขลักษณะเบื้องต้น เพื่อสุขภาพดี ลดช่องทางกำเนิดโรคอื่น ๆ รวมทั้งลดการแพร่ระบาด

– รับประทานอาหารเป็นประโยชน์ให้ครบทุกหมู่

– กินน้ำสะอาดให้มาก ขั้นต่ำวันละ 6 – 8 แก้ว 

– รับประทานยาลดไข้พาราเซตามอล หรือตามที่หมอ หรือเภสัชกรเสนอแนะ ไม่สมควรรับประทานยาแอสไพรินเนื่องจากว่าบางทีอาจมีการแพ้ดังที่กล่าวถึงมาแล้ว

– ล้างมือให้สะอาดเสมอ ๆ ไม่ว่าจะก่อนทำหรือหลังทำกิจกรรมใด ๆ

– ใช้ทิชชู่สำหรับเพื่อการสั่งน้ำมูกหรือขัดถูปาก ไม่สมควรใช้ผ้าที่มีไว้สำหรับเช็ดหน้า และทิ้งทิชชู่ให้ถูกสุขลักษณะทุกครั้งหลังใช้

– รู้จักใช้หน้ากากอนามัย

– งดเว้นยาสูบ เลี่ยงควันของบุหรี่ เนื่องจากว่าเป็นต้นเหตุให้อาการร้ายแรงขึ้น

 

ควรจะรีบไปสถานพยาบาล เมื่อมีอาการดังนี้

– ไข้สูงเกิน 39 ถึง 40 องศาเซลเซียส แล้วก็ไข้ไม่น้อยลงหลังได้ยาลดไข้ใน 1 – 2 วัน

– มีผื่นขึ้น

– กินน้ำได้น้อยหรือทานอาหารได้น้อย

– ไอมากมาย มีเสลด หรือ เสลดมีสีเหลืองหรือเขียว ซึ่งหมายความว่ามีการติดเชื้อโรคแบคทีเรียแทรกซ้อน

– อาการกำเริบหลังไข้ลง หรือหลังจากที่ไข้ลง แล้วกลับเป็นไข้อีก

– เป็นโรคหืด  

– อาการไม่ดี

– เมื่อรู้สึกกลุ้มใจในอาการ

 

ควรจะเจอหมอเป็นการรีบด่วน เมื่อ

– หอบอ่อนเพลียร่วมกับไอมากมาย บางทีอาจมีอาการที่ไม่สามารถนอนราบได้ เนื่องจากว่าเป็นอาการเข้าแทรกจากปอดอักเสบ

– เจ็บที่บริเวณหน้าอก และเกิดร่วมกับหายใจขัด อ่อนแรง เพราะเหตุว่าเป็นอาการจากภาวะแทรกซ้อนจากเยื่อหุ้มหัวใจ หรือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ

– ชัก ซึม  แขน-ขาไม่มีเรี่ยวแรง บางทีอาจร่วมกับปวดหัวแบบร้ายแรง และก็คอแข็ง เพราะว่าเป็นอาการแทรกจากเยื่อหุ้มสมองหรือสมองอักเสบ 

 

ไข้หวัดใหญ่สามารถป้องกันได้

– รักษาสุขลักษณะเบื้องต้น พักให้มาก ๆ รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพในทุก ๆ วัน โดยเพิ่มพวกผัก-ผลไม้เป็นพิเศษ

– ล้างมือให้สะอาดเป็นประจำ

– เลี่ยงการคลุกคลีสัมผัสคนป่วย หลบหลีกการไปในที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน

– รักษาความสะอาดของใช้ส่วนตัว

– ไม่ใช้มือที่ไม่สะอาดขยี้ตา ล้างมือก่อนเมื่อจะสัมผัสดวงตา

– สวมใส่หน้ากากอนามัย

– เมื่อเป็นกรุ๊ปเสี่ยงหรือจำต้องดูแลคนไข้ ควรจะขอคำแนะนำจากหมอ และขอรับวัคซีนของโรคนี้

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย.    รวมเว็บหวยออนไลน์

เทคนิดการอดอาหารไม่ต่อเนื่อง

สำหรับคนที่เริ่มต้นในการทำif หลายๆคนก็ไปหามาจากหลายๆแหล่งแล้วก็เกิดความสับสนวันนี้ขออนุญาตเปิดเผยหลักการเบื้องต้นเลยง่ายๆแล้วทุกคนจะสามารถนำเอาไปปรับใช้ทำได้เอง คือ 

ข้อที่1การทำlntermittentเราจะมีคำศัพท์อยู่สองศัพท์ก็คือ if  คือการอดอาหารแต่ว่าในการอดอาหารเรายังมีช่วงที่เรานั้นรับประทานนั้นในข้อแรกเราก็จะมาพูดถึงความถี่ของการทาน IF ในคนที่เริ่มทำ  IFจะต้องพิจารณาก่อนว่าคุณสะดวกใจที่จะทำ IFถี่มากแค่ไหนในบางคนสายแข็งบอกว่าฉันสามารถทำมันได้ทุกวันและมันจะเป็นการทำ IFแบบเต็มรูปแบบ7วันต่อสัปดาห์แล้วก็ทำต่อเนื่องไปเรื่อยๆ

ซึ่งในความเป็นจริงแล้วพวกเราทุกคนตั้งแต่เกิดวันแรกลืมตาดูโลกเราก็ยัง IFอยู่แล้วเพราะในเวลาที่เราหลับเราก็ไม่ได้รับประทานอะไรเพียงแต่ว่าเราไม่ได้ทำ IFไม่ได้นานพอที่จะทำให้มันส่งผลต่อสุขภาพเท่านั้นเองเรานอนหลับทุกวันเราก็ IFอยู่แล้วเพียงแต่ว่าในช่วงเวลา IFเราจะอยู่ที่ประมาณ6-10ชม.ถึง12ชม.

ดังนั้นในความถี่ที่มีความสำคัญก็คือว่าในบางคนที่เป็นวิธีการนิยมมากก็คือเรียกว่าทำ IFวันเว้นวัน คือการรับประทานปกติหนึ่งวันเช่นจันทร์พุธ ศุกร์ แล้วก็ อังคาร พฤหัส เสาร์ ทำแบบเข้าโปรแกม IFอันนี้เขาเรียกว่า Alternate dag fasting ก็คือทำวันเว้นวันถ้าหากหลายๆคนบอกว่าวันเว้นวันนี่มันถี่เกินไปไม่สะดวกใจคุณลองทำวันเว้น2วัน

ซึ่งในวิธีการแบบนี้เขาเรียกว่า5ต่อ2 ก็คือรับประทานปกติ5วันแล้วก็ทำด้วยกระบวนการ Alternate dag fasting2วันการทำ5ต่อ2ก็ได้เป็นที่นิยมเหมือนกัน

เนื่องจากว่ามันทำได้ง่ายแล้วมันก็ไม่ได้ทำทุกวันบางทีทำเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ที่เราอยู่บ้านมันก็สะดวกใจอยู่เหมือนกันหรือบางคนบอกว่า5ต่อ2ก็ถี่เกินไปก็สะดวกเมื่อไรก็ทำเมื่อนั้นอันนี้ก็สามารถทำได้เหมือนกัน

นอกจากนี้ประสิทธิภาพที่จะได้จากการทำ IF ก็ลดน้อยถกถอยกันไปตามความถี่ที่คุณนั้นได้ทำ

ข้อที่2ในเรื่องของความนานในการทำ ฟาสติ้ง โดยปกติแล้วในวันที่คุณนั้นทำฟาสติ้งความนานมันก็แล้วแต่ถ้าเปรียบเทียบเป็นนาฬิกาชีวิตอย่างคนไทยเรามักจะทานแต่2โมงเช้าแล้วจะทานอีกทีก็6โมง หรือ2ทุ่มตีไปเลยว่ากิน12อดอาหารประมาณนั้น

ดังนั้นการที่จะทำ IFแล้วจะหวังผลในเรื่องของโรคหัวใจและหลอดเลือดเบาหวานน้ำหนักความดันก็จะต้องทำในระยะเวลาอดอาหารที่ยาวกว่านั้น

นักวิจัยในเปเปอร์นี้น่าสนใจเพราะว่าอันนี้มันเป็นการสรุปรวมประโยชน์ที่เกิดขึ้นของการทำ IFแล้วเขาได้แนะนำว่าการทำ IFที่ดีควรจะทำ IFคือการอดอาหารในช่วงเวลาเดียวกันกับที่คุณกำลังจะพักผ่อนแล้วก็กินในช่วงเวลาเดียวกับที่คนทั่วไปเขาได้ทานกัน

 

สนับสนุนโดย  รวมเว็บหวยออนไลน์