ทําไมโดนัทถึงมีรู

ทําไมโดนัทถึงมีรู ในวันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องใกล้ตัวที่ใครหลายคน  อาจจะไม่เคยได้รับรู้มาก่อนเป็นเรื่องราว ที่เกี่ยวข้องกับขนมหวาน ที่หลายคนต่างก็รู้จักกันดี อย่างโดนัท แน่นอนจากข้อมูลที่มีการบันทึกไว้ ในอดีตช่วงยุคแรกเริ่มนั้นไม่ได้มีรู

แต่ทําไมโดนัทถึงมีรูในยุคปัจจุบันนี้  หลายคนก็ต้องสงสัยเกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าวนี้เช่นเดียวกัน

แต่ทว่าสิ่งที่เรากำลังจะพูดถึงต่อไปนี้จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป  เพราะว่าเราจะพาทุกคนไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ทําไมโดนัทถึงมีรู

สิ่งที่เรากำลังจะพาทุกคนไปทำความรู้จักในวันนี้  เป็นคำถามที่ใครหลายๆคนก็เคยตั้งคำถามขึ้นมาว่าทําไมโดนัทถึงมีรู้  แล้วทำไมเราไม่สร้างโดนัทที่ไม่มีรูขึ้นมา  ในวันนี้เรามีคำตอบว่าจะพาทุกคนไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว

  แน่นอนในปัจจุบันมีคำถามอีกมากมายที่ต่างก็สงสัย แต่ไม่เคยได้รับคำตอบเลย  แต่วันนี้เราจะมาพูดแค่เรื่อง ทําไมโดนัทถึงมีรู ไปก่อนแต่สุดท้ายก็อยากให้ทุกคนได้ลองศึกษาค้นคว้าดูเหมือนว่า  คุณกำลังสงสัยอะไรอยู่

 

คุณอย่ามัวอยู่กับที่ต้องออกไปเปิดโลกกว้าง  เริ่มศึกษาสิ่งใหม่ๆหลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมโดนัทต้องมีรู ซึ่งเดิมทีโดนัทเป็นขนมพื้นเมือง ของชาวเนเธอร์แลนด์  แบบดั้งเดิม คือ แป้งทอดที่ไม่มีรู  จากนั้นในช่วงต้นของศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา

โดนัทได้แพร่กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ แต่เป็นการเดินทางขนส่งทางการเดินเรือ  แต่ทว่าจากบันทึกก็ยังยืนยันว่า โดนัทก็ยังไม่มีรูอยู่ดีจนกระทั่งในช่วงต้นศตวรรษที่ 19  เมื่อกัปตันเดินเรือ ชาวอเมริกาได้ช่วยแม่ของตัวเองทอดโดนัท โดยในช่วงเวลานั้น  เขาคิดว่าโดนัทแบบดั้งเดิมมันถอดยาก และพบว่าตรงกลางน้ำมันและไม่ค่อยสุก เขาจึงได้ทำการเจาะรู

โดยหวังว่าจะทำให้มันถอดง่ายขึ้น ซึ่งก็เป็นจริงดังนั้น หลังจากนั้นในเวลาต่อมา โดนัทที่มีรู  ก็ได้แพร่หลายไปทุกหัวเมือง ซึ่งในภายหลังกัปตันชาวอเมริกาผู้นี้ ได้รับการขนานนามว่า เป็นผู้คิดค้นโดนัทสมัยใหม่ อย่างไรก็ตามก็ยังคงมีเรื่องราวอีกมากมาย  ที่มีความน่าสนใจที่จะขึ้นมาทั่วทุกมุมโลกของเราแน่นอน

ว่ายังมีคำถามที่คุณเองก็ตั้งคำถาม และก็ยังไม่เคยได้ลองไปศึกษาดูอย่างที่เราได้กล่าวไว้ข้างต้น ว่าจะหาคนสงสัยอะไรก็ให้เราออกไปเปิดโลกกว้าง  ศึกษาถึงสิ่งใหม่ๆถ้าหากคุณมัวแต่ย่ำอยู่กับที่ไม่ออกไปเปิดโลกกว้างสักที  คุณก็จะไม่มีทางได้รับรู้ในคำถามที่คุณอยากจะรู้เลย 

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    aesexy

เมาแค่ไหนถึงเสี่ยงตาย

เมาแค่ไหนถึงเสี่ยงตาย  สิ่งที่เราจะนำเสนอให้ทุกคนได้รับรู้มันเป็นหนึ่งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการดื่มแอลกอฮอล์และการเมาเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องใกล้ตัว ที่หลายคนอาจยังไม่เคยได้รับรู้มาก่อน ใครเป็นสายดื่ม ก็ควรที่จะฟังเอาไว้เพราะว่ามันเป็นคำถามที่หลายคนก็สงสัย  แต่ยังไม่เคยได้รับคำตอบ  คำถามที่ว่า ก็คือเมาแค่ไหนถึงเสี่ยงตายในวันนี้เราจะพาทุกคนไปไขข้อสงสัยกัน 

สิ่งน่าสนใจที่ ที่ใครหลายคน อาจมองข้าม เพราะมันอาจจะไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง หรือ อาจเกี่ยวข้องแต่ไม่ได้ส่งผลต่อการใช้ชีวิตแต่อย่างไร มันเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับความเมา ที่มาพร้อมกับการดื่มแอลกอฮอล์  คุณเคยเกิดคำถามนี้หรือเปล่าว่าเมาแค่ไหนถึงเสี่ยงตาย

ในวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเรื่องราวต่างๆกัน Alcohol intoxication คือ การเสียชีวิตจากการทะเลาะกัน  มีสาเหตุมาจากการดื่มสุรา  มีสาเหตุมาจากปริมาณแอลกอฮอล์ที่มากเกินไป  จนเข้าไปกดระบบประสาท  กดการหายใจทำให้หายใจติดขัด  หายใจไม่ออก  ขาดออกซิเจน จนนำไปสู่การสลบ  และถึงขั้นเสียชีวิตในที่สุด 

ส่วนคำถามที่ว่า ต้องดื่มมากแค่ไหนถึงจะเสี่ยงต่อการเสียชีวิต  แต่จากผลการศึกษาวิจัย จากหลายสถาบัน ก็ยังมีข้อสรุป ที่ไม่ตรงกัน ซึ่งจากข้อสรุป ที่เป็นจุดที่คล้ายกัน คือ  เนื่องจากร่างกายของมนุษย์แต่ละคนมันไม่เหมือนกันการดื่มแอลกอฮอล์ ของแต่ละกัน ที่จะแสดงอาการ จึงไม่เท่ากัน  แต่โดยทั่วไปแล้วความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นมาโดยมีแอลกอฮอล์ในเลือด 400 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป

  เพราะมันจะทำให้เกิดอาการขาดสติโดยสมบูรณ์และอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้ในที่สุด  แน่นอนว่าเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น เกิดจากการเมา ซึ่งมันเกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากนั่นเอง และเราทราบดีว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่หลายคนชอบ มันมีผลเสียต่อสุขภาพร่างกายของเราเป็นอย่างมาก และหลายคนรู้ดีว่ามันมีผลเสีย แต่คนก็ยังชอบดื่ม

และแน่นอนว่า ถ้าหากว่าเราดื่มในปริมาณที่เหมาะสม มันก็ส่งผลดีต่อร่างกายของเราด้วยเช่นเดียวกัน แต่เราก็ไม่ควรที่จะดูมันมากเกินไป สุขภาพร่างกายของเราเป็นสิ่งที่เราควรจะให้ความสำคัญเป็นอันดับที่ 1  เพราะว่าร่างกายของเราหาก ระบบใดระบบหนึ่งได้รับความเสียหาย ได้รับผลกระทบจากการทำร้ายตัวเอง

ด้วยการดื่มหรือว่ากินสิ่งที่ไม่ดีเข้าไปในร่างกายของเรานั้น ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยแม้แต่น้อย  อย่างไรก็ตามถ้าคุณสนใจอยากที่จะเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวข้องกับอาการเมา เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของแอลกอฮอล์เพิ่มเติม แล้วก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับในยุคปัจจุบันนี้ เราสามารถศึกษาค้นหาข้อมูลต่างๆได้อย่างง่ายดายภายในโลกของอินเทอร์เน็ต

 

 

สนับสนุนโดย.  aesexy

เลือกกินอย่างไรให้สมองโลดแล่น

รู้หรือไม่ว่าในสมัยปัจจุบันนี้ คนส่วนใหญ่มักที่จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคทางระบบประสาท หรือสมองกันสูงมาก เนื่องจากว่าในชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่นั้นมักที่จะใช้งานสมองอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นทั้งในเรื่องของการทำงาน การเรียน รวมไปถึงเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งต้อบอกก่อนว่าการที่เราใช้งานสมองมากเกินไป

เลือกกินอย่างไรให้สมองโลดแล่น ก็อาจส่งผลให้สมองของเรานั้นเกิดอาการล้า จนส่งผลเสียได้ ยิ่งเราอายุเริ่มมากขึ้นสมองของเราก็จะยิ่งเสื่อมลงไปตามกาลเวลา

แถมร่างกายยังมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายได้ง่ายอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคเกี่ยวกับระบบประสาทนั่นเอง อย่างไรก็ตาม การดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้ดีอยู่เสมอ โดยเฉพาะในเรื่องของสมอง ดังนั้น สำหรับใครที่อยากมีสมองที่แข็งแรง มีสมองที่โลดแล่น คิดงานออก สมองปลอดโปร่ง วันนี้เราก็จะมาแนะนำวิธีการเลือกกินอย่างไรให้สมองของเรานั้นปลอดโปร่ง และโลดแล่นได้มาที่สุด จะมีอะไรกันบ้างนั้นไปดูกันเลย 

การเลือกทานน้ำมันมะกอก รู้หรือไม่ว่าน้ำมันมะกอกเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพร่างกายของเราเป็นอย่างมาก ซึ่งปกแล้วเราจะเห็นได้ว่าคนส่วนใหญ่นั้นมักที่จะนิยมนำน้ำมันมะกอกมาปรุงอาหาร แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า แท้ที่จริงแล้วนำน้ำมันมะกอก ถือเป็นสิ่งที่หนึ่งที่สามารถช่วยในการบำรุงระบบประสาท หรืสมองของเราได้ เนื่องจากว่าในน้ำมันมะกอนั้นจะอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ที่สูงมาก ๆ ซึ่งสามารถช่วยบำรุงสมองของเราให้แข็งแรงขึ้นได้นั่นเอง 

การเลือกทานถั่วลิสง ในถั่วลิสงจะอุดมไปด้วยสังกะสี และแมงกานีส รวมไปถึงแร่ธาตุ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นสารอาหารที่ดีต่อสมองของเราทั้งนั้น เพราะสามารถช่วยเสริมสร้างสมองของเราได้เป็นอย่างดี ทำให้สมองของเรานั้นปลอดโปร่ง โลดแล่น และยังมีส่วนช่วยในการทำให้เราคิดงานอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ดังนั้น การเลือกทานพืชตระกูลถั่วเป็นประจำ ของบอกเลยว่านอกจากจะส่งผลดีต่อสมองของเราแล้วนั้น ยังดีต่อสุขภาพร่างกายอีกด้วย 

การเลือกทานน้ำชา ส่วนใหญ่แล้วจะเห็นว่าคนที่ทำงานส่วนใหญ่มักที่จะชอบดื่มกาแฟ เพราะกาแฟเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่มีส่วนช่วยการกระตุ้นกรทำงานของระบบประสาทได้ แต่รู้หรือไม่ว่าถึงแม้จะเป็นเครื่องดื่มที่ดีต่อสมอง แต่หากเราดื่มเป็นประจำก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายของเราได้ ดังนั้น ทางที่ดีควรเปลี่ยนจากการดื่มกาแฟมาเป็นการดื่มน้ำชาแทนจะดีกว่า เพราะน้ำชาจะช่วยในการบำรุงสมองให้แข็งแรง และทำให้เรารู้สุกสดชื่น ร่างกายกระปรี้กระเปร่าได้มากกว่า แถมยังมีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถช่วยกระตุ้นให้สมองของเรามีพลังมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

 

สนับสนุนโดย  มั่งมีหวยออนไลน์

แนวทางรักษา “ภาวะความดันโลหิตสูง” ด้วยตัวเอง บางทีอาจไม่ต้องรับประทานยา

ความดันสูง ลดได้ ถ้าเราดูแลตนเองตามเทคนิคไม่กี่ข้อนี้

แนวทางรักษา “ภาวะความดันโลหิตสูง” โรคความดันเลือดสูงนับเป็นเยี่ยมในกรุ๊ปโรคไม่ติดต่อยาวนานที่สำคัญทางสาธารณสุขที่ควรจะได้รับการเอาใจใส่ดูแลเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าปัญหาใหญ่ของการควบคุมโรคความดันเลือดสูงในประเทศไทยเป็นการที่ผู้เจ็บป่วยไม่รู้ว่าตัวเองเป็นโรค ทำให้ไม่สามารถที่จะได้รับการดูแลและรักษาแต่ว่าเนิ่นๆจนถึงก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆตามมา ดังเช่น โรคเส้นโลหิตในสมองแตก ฯลฯ

ความดันโลหิตคืออะไร

ความดันโลหิต (blood pressure) มีต้นเหตุจากแรงที่หัวใจบีบตัวจนกระทั่งกำเนิดแรงกดดันที่ผลักต่อต้านด้านในเส้นเลือด ความดันเลือดมีปริมาณ 2 ค่า เสมอ ก็คือ ความดันซิสโตลิก (systolic blood pressure, SBP) หรือที่เราเรียกกันเคยปากว่า “ความดันตัวบน” คือค่าความดันสูงสุดตอนที่หัวใจบีบตัวที่ทำการสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย ความดันไดแอสโตลิก (diastolic blood pressure, DBP) หรือที่เราเรียกกันเคยปากว่า “ความดันตัวล่าง” คือค่าความดันต่ำสุดขณะหัวใจคลายตัว

สาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง

ความดันโลหิตสูงมากยิ่งกว่าจำนวนร้อยละ 90 จะไม่รู้มูลเหตุที่ชัดแจ้ง แต่ว่าพบว่ามีต้นสายปลายเหตุร่วมบางสิ่งบางอย่างที่บางทีอาจสนับสนุนให้กำเนิดภาวะความดันโลหิตสูง ดังเช่นว่า ต้นเหตุทางด้านกรรมพันธุ์รวมทั้งความประพฤติ และอื่นๆมากมาย แล้วก็ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงโดยประมาณจำนวนร้อยละ 10 จะเป็นความดันเลือดสูงจำพวกที่รู้มูลเหตุ ยกตัวอย่างเช่น ความดันเลือดสูงจากการใช้ยาคุมบางประเภท หรือการเกิดเนื้องอกของต่อมหมวกไต ฯลฯ

การป้องกันและควบคุมโรคความดันโลหิตสูงโดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมชีวิต

การดูแลและรักษาโรคความดันเลือดสูงด้วยการกินยาเพียงอย่างเดียว มิได้รักษาที่ที่มาของโรค โดยเหตุนั้นส่วนที่สำคัญมากก็คือการปกป้องคุ้มครองรวมทั้งควบคุมโรคความดันเลือดสูงจากการเปลี่ยนแปลงการกระทำชีวิต ซึ่งมีข้อเสนอดังนี้ปริมาณ ก็คือ

ลดน้ำหนักในผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วน

ควรจะพากเพียรควบคุมให้มีค่าค่าดัชนีมวลกายตั้งแต่ 18.5 – 22.9 กิโลกรัม/ตร.ม. และก็มีเส้นรอบเอวสำหรับเพศชายไม่เกิน 90 เซนติเมตร (36 นิ้ว) แล้วก็สำหรับหญิงไม่เกิน 80 เซนติเมตร (32 นิ้ว) หรือ ไม่เกินความสูงหารสอง ทั้งเพศชายรวมทั้งหญิง

ปรับรูปแบบของการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ

ควรจะชี้แนะให้กินอาหารให้ครบ 5 กลุ่มทุกมื้อ ซึ่งในแต่ละมื้อมีจำนวนของกินที่สมควรจำกัดปริมาณเกลือและโซเดียมในอาหาร ควรที่จะมีการจำกัดจำนวนการบริโภคโซเดียมไม่เกินวันละ 2 กรัม ซึ่งเท่ากันกับเกลือทะเลจำนวน 1 ช้อนชา (5 กรัม) หรือน้ำปลา 3-4 ช้อนชา รวมทั้งควรจะจำกัดจำนวนการใช้ผงชูรสด้วย

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    alpha88

คุณจัดการกับมาตรฐานความงามที่ไม่สมจริงอย่างไร

ฉันจำได้เมื่อครั้งแรกที่รู้ว่าคุณสามารถแก้ไขความกว้างของใบหน้าของคุณในแอปได้ และฉันก็คิดว่า “นี่น่าทึ่งมาก ฉันดูผอมมาก ช้าแต่แน่นอน ฉันตัดสินใจว่าฉันต้องหยุดใช้สิ่งนี้

คุณจัดการกับมาตรฐาน เพราะมันไม่ใช่ฉันจริงๆ ถ้าฉันจะมีบล็อกนี้ซึ่งฉันควรจะเกี่ยวกับร่างกายที่มองโลกในแง่ดี และฉันเข้าไปข้างในและทำให้แก้มของฉันเล็กลงเล็กน้อย นั่นไม่เป็นความจริง แต่ฉันดูรูปของทุกคนและฉันคิดว่า คนอื่นน่าจะทำในระดับหนึ่ง แอพ Facetune นั้นอาละวาดและทุกคนก็เข้าไปข้างในและเปลี่ยนลุคของพวกเขา คุณไม่ได้ตระหนักถึงมันเพราะสิ่งที่คุณเห็นคือจัตุรัสเล็กๆ บน Instagram

ฉันมีลูกสาวคนหนึ่ง และเธอดูวิดีโอ YouTube และฉันจำได้ว่าครั้งหนึ่งเธอพูดว่า “ฉันอยากไว้ผมยาวและตรงเหมือนเธอ” โดยชี้ไปที่เด็กหญิงผิวขาวตัวเล็ก ๆ ในวิดีโอ และเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ

ก็สวย แต่ฉันต้องอธิบายให้เธอฟังว่านั่นไม่ใช่ความจริงของคุณ เป้าหมายของฉันคือการบอกเธอว่าเธอสวยแค่ไหน บอกเลยว่าสวยทุกวัน ฉันบอกเธอว่าฉันรักผมของเธอมากแค่ไหนทุกวัน เธอมีผมหยิกหนา และฉันก็บอกเธอว่าฉันชอบผมของเธอทุกวันเพราะฉันไม่เคยต้องการให้เธอคิดต่าง แม่ของฉันบอกฉันเสมอว่าอย่าเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น เพราะคุณไม่รู้ว่าพวกเขากำลังเผชิญอะไร และคุณไม่รู้การต่อสู้ของพวกเขา เท่าที่โซเชียลมีเดียดำเนินไป ผู้คนจะแสดงเพียงช่วงเวลาแห่งความสุขของพวกเขาเท่านั้น ฉันจะไม่แชร์รูปภาพของฉันเมื่อฉันสะอื้นไห้และไม่สามารถไปให้ถึงเส้นตายที่ 20 ข้างหน้าฉันได้

คุณกังวลเกี่ยวกับอายุหรือไม่ “ฉันกำลังพยายามต่อสู้กับการต่อสู้ภายในอย่างต่อเนื่อง และผ่านการต่อสู้กับมัน ฉันพบความมั่นใจของฉัน” ฉันเพิ่งอายุได้ 30 ปี

ในเดือนเมษายน และไปศัลยกรรมหน้า และช่างเสริมสวยถามว่าฉันต้องการอะไร และฉันไม่รู้จริงๆ เพราะฉันมีผิวที่ดีจริงๆ แต่เมื่อ  ole777   เธอรู้ว่าฉันเพิ่งอายุ 30 ปี เธอแนะนำวิธีการรักษาด้วยการต่อต้านริ้วรอย และฉันไม่เคยแม้แต่จะคิดเกี่ยวกับการต่อต้านวัยมาก่อนเลย แต่นั่นทำให้ฉันคิดว่าฉันควรจะเป็นเช่นนั้น แบรนด์ต่างๆ คอยผลักดันเราจนถึงจุดที่คุณรู้สึกว่าต้องการ ฉันคิดว่าผู้คนกำลังคลั่งไคล้อะไร แต่ฉันก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องการต่อต้านวัยเลย ฉันแค่ดูแลผิวของฉันและไม่คิดถึงความชราเพราะมันหลีกเลี่ยงไม่ได้

ทุกคนจะแก่ขึ้นและคุณจะแก่ ฉันเริ่มใช้ครีมทาใต้ตาเมื่อฉันอายุ 24 ปีหรือมากกว่านั้น เพราะฉันมักจะชอบมีรอยคล้ำใต้ตา แม่บอกเสมอว่าตั้งแต่อายุ 12 หรือ 13 ขวบให้ดูแลผิว ผลิตภัณฑ์ที่ฉันใช้ต้องได้รับการป้องกันเพื่อที่ฉันจะได้ไม่ต้องใช้ครีมลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยในอนาคต ใครจะรู้ว่าครีมเหล่านี้ได้ผลจริงหรือไม่? มีผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงถึง 300 เหรียญสำหรับใช้บนใบหน้าของคุณ ฉันสบายดีกับสิ่งที่ฉันพบในร้านขายยา

การเติบโตของเด็กๆจากผักผลไม้

ในปัจจุบันเด็กหรือแม้แต่กระทั่งผู้ใหญ่บางคนนั้นก็ไม่ได้รับประทานผักและผลไม้ การเติบโตของเด็กๆ เนื่องจากเรานั้นอาจจะไม่ได้ถูกปลูกฝังและโตมากับการรัลประทานผักผลไม้จากผู้ปกครองนั่นเองแต่สำหรับเด็กที่กระตือรือร้นหรือมีการใช้พลังงานตลอดวันนั้นมักจะหิวมากขึ้น

ดังนั้นอาจไม่ใช่ว่าลูกน้อยของเรานั้นไม่ต้องการกินผักและผลไม้ในทางกลับกันผักและผลไม้เพียงอย่างเดียวอาจไม่น่าพอใจและลูกๆนั้นอาจรู้สึกไม่อิ่มเมื่อรับประทานการหาวิธีสร้างสรรค์ในการประกอบอาหารสามารถช่วยได้และยังเป็นสิ่งที่ช่วยเติมเต็มและพัฒนาการของลูกๆด้อย่างดีด้วย

สำหรับเมนูที่จะช่วยในพัฒนาการเจริญเติบโคของเด็กๆได้นั้นก็จะต้องเน้นที่การรับประทานผักและผลไม้

แต้แต่ละมื้อในปริมาณที่มากๆ ไม่เพียงเท่านั้น อาจจะยังต้องใส่ใจในเรื่องของอาหารประเภทโปรตีนอื่นๆอีกด้วย อาหารจำพวกฟักทองบดและผสมกับพริกไทยก็จะช่วยเพิ่มไฟเบอร์เบต้าแคโรทีน ลูทีนและซีแซนทีนฝห้กับเด็กๆด้วย

ทำเนื้อไก่งวง (ดูสูตรด้านล่าง) เพิ่มหัวหอมบดซึ่งมีซัลไฟด์สูงและสามารถช่วยต่อสู้กับแบคทีเรีย และเพิ่มเห็ดที่อุดมไปด้วยวิตามินดี เควอซิติน และซีลีเนียม ใส่ใบผักโขมที่อุดมไปด้วยลูทีนและเบตาแคโรทีนลงในพาสต้าร้อน พื่อให้มันเหี่ยวและกลายเป็นส่วนหนึ่งของซอสก็จะทำให้อาหารนั้นเด็กสามารถที่จะรับประทานได้อย่างง่ายดายมากขึ้นหรืออาจจะลองทำสมูทตี้ด้วยผักโขมและตั้งชื่อธีมสีเขียวที่ลูกๆนั้นอาจจะรู้จักจากการ์ตูนเป็นต้น

ลองสังเกตและดูว่าลูกๆนั้นชอบรับประทานผักอะไร เมื่อรู้ว่าเข้าชอบอะไรก็ปรุงอาหารหรือเครื่องดื่มด้วยผักเหล่านั้น

ดังนั้นแล้วพ่อแม่ผู้ปกครองนั้นจะต้องอดทนไว้การให้ลูกของคุณกินอาหารก่อนที่พวกเขาจะตัดสินใจกินมันเข้าไปจริงๆ และมีการสร้างสรรค์อาหารอย่างต่อเนื่องและสอดคล้องกับการรับประทานผักและผลไม้ในทุกมื้อด้วย

หรืออาจะลองวางแอปเปิ้ล ส้ม และกล้วยลงในตะกร้าผลไม้บนโต๊ะรวมถึงผลไม้อื่นๆที่มีประโยชน์หรือผลไม้ตามฤดูกาลและใส่ผักที่เสิร์ฟบนจานอาหารอยู่เสมอ แต่สิ่งที่สำคัญนั้นคือการไม่บังคับให้พวกเขากินอาหารเหล่านี้ แน่นอนว่าในครั้งแรกนั้นเมื่อเด็กๆรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของผักและผสมไม้เข้าไปนั้นจะไม่ได้ถูกปากตั้งแต่ครั้งแรกอย่างแน่นอน เด็กๆนั้นจะเมินอาหารของผู้ปกครอง ดังนั้นแล้วถึงแม้เด็กจะเมินอาหารมากกว่า50 ครั้งผู้ปกครองพ่อแม่จึงต้องอดทน เพราะยิ่งถ้าหากมีความอดทนมากเท่าไหร่ โอกาสในการกินผักและผลไม้ของเด็กนั้นก็พิ่มากขึ้นเช่นกัน

การพยายามถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ยาก แต่การพาลูกๆนั้นออกไปช็อปปิ้งก็เป็นอีกทางหนึ่งที่สร้างความผ่อนคลายและช่วยทำให้เด็กนั้นสามารถที่จะรับประทานผักหรือผลไม้ได้มากขึ้นด้วย ผักผลไม้เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากอย่างไรก็ตามอย่าลืมให้เด็กๆนั้นรับประทานผักในทุกๆมื้ออาหารด้วย

 

สนับสนุนโดย.    huaydee

3 ท่าโยคะที่ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับได้ 

แก้อาการนอนไม่หลับได้  ปัจจุบันนี้เชื่อว่าหลายคนคงมีปัญหาเกี่ยวกับการนอนกันอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการนอนหลับไม่สนิท หารนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือแม้แต่การนอนหลับๆตื่นๆ ในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งปัญหาต่างๆ เหล่านี้ถือเป็นปัญหาใหญ่สำหรับหลายๆ คนเป็นอย่างมาก และท้ายที่สุดก็ทำให้หลายคนมีความเครียด

เนื่องจากนอนไม่ค่อยหลับนั่นเอง นอกจากนี้ยังส่งผลให้การทำงานของระบบต่างๆ ภายในร่างกายทำงานได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพอีกด้วย รวมไปถึงอาจทำให้เราไม่มีสมาธิในการทำงาน หรือการทำกิจกรรมอื่นๆ อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะปัญหาต่างๆเหล่านี้จะหมดไป เพราะวันนี้เราจะมาบอกวิธีการที่จะช่วยให้คุณนั้น หลับสบาย พร้อมตื่นมาแล้วสดชื่นอย่างแน่นอน ซึ่งก็เป็นวิธีง่ายๆ ด้วยการเล่นโยคะ จะมีท่าไหนกันบ้างไปดูกันเลย 

ท่ายืนก้มตัว ท่านี้เป็นท่าง่ายๆที่เชื่อว่าหลายๆ คนก็คงทำได้ สำหรับใครที่มักมีอาการนอนไม่หลับ ขอบอกเลยว่าการออกกำลังกาย หรือเล่นโยคะด้วยท่ายืนก้มตัว โดยการยืนตรง เท้าแยกออกจากกัน หลังจากนั้นให้หายใจออก แล้วจึงก้อมตัวลงให้มือทั้งสองข้างยึดกับพื้น ซึ่งท่านี้หากทำบ่อยๆ จะช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลาย และช่วยบรรเทาอาการปวดต่างๆ ได้เป็นอย่างดี แถมยังช่วยให้เราหลับสบายมากขึ้นอีกด้วย 

ท่าหัวจรดเข่า หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อนี้ หรือบางคนอาจเคยได้ยินกันมาแล้ว รู้หรือไม่ว่าท่าโยคะท่านี้จะช่วยทำให้ทั่วทุกส่วนของร่างกายเรารู้สึกผ่อนคลายได้ ดังนั้น สำหรับใครที่ชอบนอนไม่ค่อยหลับ ขอบอกเลยว่าหากเล่นโยคะท่านี้จะช่วยให้คุณนั้นหลับสบายขึ้นอย่างแน่นอน

ท่านั่งบิดตัว  ท่านี้จะเป็นท่าง่ายๆ ที่ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ โดยท่าบิดตัวจะเป็นท่าที่เราต้องบิดซ้าย บิดขวาสลับกันไปมาเพื่อให้ร่างกายได้ใช้งานกล้ามเนื้อ และเพื่อเป็นการบริหารกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ซึ่งนอกจากท่านี้จะเป็นท่าที่สามารถช่วยบริหารทั่วทุกส่วนของร่างกายได้แล้วนั้น ยังสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดต่างๆ รวมไปถึงความเครียด ซึ่งแน่นอนว่าหากเราหมั่นทำเป็นประจำนอกจากจะทำให้เรามีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรงแล้วนั้น ยังช่วยให้เราหลับสบายตลอดทั้งคืนอีกด้วย ดังนั่น สำหรับใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับนอน นอนไม่หลับ หรือนอนหลับๆตื่นๆอยู่บ่อยๆ ขอบอกเลยว่าวิธีการออกกำลังกายโดยการเล่นโยคะนั้นช่วยคุณได้อย่างแน่นอน 

 

สนับสนุนโดย    หวยออนไลน์บาทละ 1000

เกล็ดความรู้ในการ lntermittent Fasting ดีที่สุด

สำหรับเทคนิคนี้ที่เราจะมาบอกคุณมันง่ายมาก ไม่เสียตังค์สักบาทแถมยังประหยัดอีกด้วยนั่นคือ ไม่ทานอาหารว่างระหว่างมื้อ  lntermittent Fasting เราบอกเลยการรับประทานอาหารว่างมันเป็นสิ่งที่คนสุขภาพไม่ดีเขาทำกันมันไม่จำเป็นในวันนึงเราแนะนำว่าโดยปกติท่านไม่ควรทานเกิน3มื้อใน3มื้อนี้คือขีดจำกัดแล้วของคนสุขภาพดีถ้าท่านทานเกินนี้สุขภาพเริ่มแย่

เพราะว่าทานมื้ออาหารมากเท่าไหร่ร่างกายโดนกระตุ้นอินซูลินมากเท่านั้นอินซูลินโดยกระตุ้นมากเท่าไหร่ร่างกายจะดื้ออินซูลินมากเท่านั้นร่างการดื้ออินซูลินมากเท่าไหร่ท่านก็จะอ้วนมากเท่านั้นเบาหวานถามหามากเท่านั้นไขมันความดันโรคไตวายเรื้อรังโรคหลอดเลือดต้องฟอกไตเยอะแยะไปหมด

เพราะฉะนั้นแล้วอย่ารับประทานอาหารบ่อยๆวันนึงไม่ควรเกิน3มื้อและถ้าให้เราแนะนำเราขอแนะนำ2มื้อมื้อเช้ารวบกับมื้อเที่ยงเรียกว่าบลั้นซ์แล้วก็มื้อเย็นอีกมื้อหนึ่งแฮปปี้มากๆเลยไม่ทานอาหารว่างระหว่างมื้อถ้าท่านทานระหว่างมื้อแปลว่าท่านทานมื้อใดมื้อหนึ่งนั้นน้อยเกินไปหรือ

เมื่อท่านทานน้ำตาลหรือแป้งมากเกินไป เมือ่ไหร่ก็ตามที่ทานน้ำตาลกับแป้งมากเกินไปร่างกายจะหิวบ่อยเพราะขาดสารอาหารที่ดีมีแต่น้ำตาลร่างกายมันไม่อิ่มร่างกายมันอยากกินบ่อยๆเพราะฉะนั้นแล้วไม่มีอาหารว่างระหว่างมื้อที่ดีในโลกอาหารว่างเมือ่ไหร่ไม่ดีต่อสุขภาพทันที

สำหรับเทคนิคถัดมาที่จะช่วยเร่งสปีด lntermittent Fasting ของคุณให้แบบจี๊ดสุดๆนั่นก็คือในระหว่างที่ท่านอยู่ในช่วงฟาสติ้งหรือช่วงที่ไม่ทานอาหารเราแนะนำให้คุณทาทนไม่ว่าจะเป็นน้ำเปล่ากาแฟดำชาเขียวร้อนหรือชาเขียวเย็นหรือที่ไม่มีน้ำตาลแอปเปิลไซเดอร์ไวเนกาผสมน้ำแล้วจิบหรือว่าน้ำต้มกระดูก

พวกนี้ท่านจิบได้ทั้งวันทานได้เรื่อยๆการทานไม่ว่าจะเป็นน้ำอะไรก็ตามที่ไม่มีแคลอรีแบบนี้จะทำให้ร่างกายของท่านมีการกระตุ้นระบบผาผลาญตลอดเวลาซึ่งจะทำให้ท่านไม่หิวและไม่หลุดไอเอฟด้วยเราขอแนะนำเลยแต่มีใจความสำคัญนิดนึงน้ำที่ 0 แคลอรี่จะจะต้อไม่ใช่น้ำอัดลมที่เขียนมาZeroทั้งหมด 

เพราะว่าพวกนี้มันมีสารทดแทนความหวานที่กระตุ้นอินซูลินไม่ว่าจะเป็นแอสปาร์แตมหรือว่าซูคราโลสซึ่งเราไม่แนะนำเลยเพราะฉะนั้นน้ำที่เราแนะนำก็ทานเท่าที่เราพูดน้ำเปล่าน้ำแร่ชากาแฟไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่สารทดแทนความหวานแอปเปิ้ลไซเดอรเวนิกาน้ำต้มกระดูกอย่างนี้โคเอมมากๆ

นอกจากนี้สิ่งที่เราจะแนะนำเลยก็คือการทานอาหารให้เป็นสเต็ปคือในช่วงเลาทานอาหารคนเราจะหิวไปกินเยอะแบบนี้ไม่ดีเพราะฉะนั้นพอเราเริ่มจะถึงเวลาออกฟาสติ้งให้เรากินน้ำไปก่อนประมาณ300-400cc เพื่อกระตุ้นบอกกระเพาะขยายนิดนึงและจะส่งสัญญาไปที่สมองพร้อมที่จะทานอาหาแล้วนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย.    aesexy

4 สัญญาณเตือนความดันโลหิตสูง

โรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคที่พบได้บ่อย  ความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะผู้สูงอายุแต่คนที่อายุน้อยก็สามารถพบได้เช่นกันถ้าใครมีความดันมากกว่า 140 ทับ 90 มิลลิเมตรปรอทแบบนี้แสดงว่าความดันของคุณสูงเกินแล้วอาจจะเป็นโรคความดันสูงแล้วก็ได้ 

การสังเกตอาการถือว่าเป็นสิ่งสำคัญการที่เราปล่อยความดันโลหิตสูงเป็นเวลานานๆก็จะทำให้เกิดโรคต่างๆตามมาได้ดังนั้นเราจะมาเตือนสัญญาณเตือนว่าที่จะเป็นตัวบ่งบอกว่าความดันของคุณสูงแล้วให้รีบไปโรงพยาบาล 

สำหรับสัญญาณที่ 1 ก็คือ ปวดศีรษะ ใครที่ปวดศีรษะบ่อยๆเป็นเรื้อรังเวลาปวดอาจจะปวดบริเวณหลังหัวหรือว่าปวดตรงคอบ่าไหล่ก็ได้บางคนไปปวดและไปนวดกันแล้วฝังเข็มก็แล้วทานยาแก้ปวดก็แล้วอาการปวดศีรษะไม่ค่อยดีขึ้นเลย

ต้องบอกเลยว่าความดันของคนอาจจะสูงแล้วก็ได้แนะนำว่าใครที่ปวดศีรษะเรื้อรังทานยาไม่หายสักทีให้ลองเช็คความดันของตนเองดูว่าค่าความดันของตัวเองนั้นสูงหรือเปล่าจะได้รีบรักษาต่อไป 

สำหรับสัญญาณที่ 2 ก็คือ เวียนศีรษะ สำหรับใครที่ตื่นเช้ามาปวดศีรษะและมึนเออตลอดเลยหรือว่าอาจจะเป็นช่วงระหว่างวันก็ได้รู้สึกไม่สดใสเวียนศีรษะตลอดไม่ว่าจะเป็นก้มๆเงยๆเลยอะไรแบบนี้ก็ยังมีอาการอยู่นอนพักกันแล้วก็ยังมีอาการมึนศีรษะ 

อาจจะร่วมกับมีอาการปวดศีรษะหรือว่าปวดคอบ่าไหล่ด้วยแบบนี้แนะนำเลยว่าเป็นอีกสัญญาณ 1 ที่จะเป็นตัวบ่งบอกว่าคุณอาจจะเป็นความดันโลหิตสูงแล้วก็ได้ให้คุณไปเช็คค่าความดันของตัวคุณเองได้เลย

สำหรับสัญญาณที่ 3 ก็คือ เหนื่อยง่าย ให้เราสังเกตอาการของตัวเองดูว่าถ้าเรามีอาการเหนื่อยง่ายมากขึ้นกิจกรรมไหนที่เราสามารถทำได้แต่อยู่ๆ เราไม่สามารถทำได้ไม่ว่าจะเป็นการเดินขึ้นบันได 2 ชั้นปกติแล้วสบายมาก แล้วอยู่ๆเดินขึ้นไป 2 ชั้นแล้วต้องไปนั่งหอบ

ตรงนี้ก็เป็นสัญญาณหนึ่งว่าคุณอาจจะมีความดันโลหิตสูงแล้วก็ได้เพราะว่าเวลาความดันโลหิตของเราสูงมากๆหัวใจของเราก็จะทำงานหนักมากขึ้นนั่นเองและถ้าเราละเลยไม่ยอมรักษาความดันโลหิตของเราสูงเป็นเวลานานๆหัวใจของเราก็จะทำงานหนักมากขึ้นจนทำให้หัวใจเราโตขึ้นมา 

เพราะฉะนั้นแล้วอย่าไปรีรอหากมีอาการเหนื่อยง่ายให้คนไปที่โรงพยาบาลหรือจะซื้อเครื่องวัดความดันมาวัดเองที่บ้านก็ได้เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง

สำหรับข้อที่ 4 ก็คือ แน่นหน้าอก สำหรับใครที่มีอาการแน่นหน้าอกมากขึ้นในเวลาที่ออกแรงไม่ว่าจะเป็นการเดินการวิ่งหรือว่าไปยกของของหรือว่าอะไรรู้สึกว่าทำไมมันแน่นหน้าอกจังเหมือนมีอะไรมาทับหน้าอกของเราพัก 10-20 นาทีอาการดีขึ้นอันนี้ก็อาจจะเป็นเรื่องของความดันโลหิตสูงแล้วก็ได้

 

สนับสนุนโดย.    หวยดี

สัญญาณเตือนโรคไต ที่อาจจะเสื่อมไปและเสียไปส่งผลเสียต่างๆมากมาย

ซึ่งไตเป็นอวัยวะหนึ่งที่สำคัญในร่างกายของเรา สัญญาณเตือนโรคไต  โดยไตมีหน้าที่ในการขับของเสียออกจากร่างกายในรูปของปัสสาวะแล้วก็มีหน้าที่ในการปรับสมดุลน้ำสมดุลเกลือต่างๆแล้วยังช่วยเป็นตัวการสร้างฮอร์โมนต่างๆอีกด้วย ถ้าเกิดโรคไตขึ้นมาแล้วเราไม่ทราบรักษาไม่ทันไตของเราก็อาจจะเสื่อมไปและเสียไปส่งผลเสียต่างๆมากมายของเรา

ดังนั้นการสังเกตสัญญาณหรือว่าอาการเตือนโรคไตจึงเป็นสิ่งสำคัญวันนี้เราจะมาเตือนสัญญาณว่าคุณอาจจะเป็นโรคไต ไตเสื่อม แล้วก็ ไตวายแล้วก็ได้ 

สัญญาณที่ หนึ่ง ขาบวมไตมีหน้าที่ในการขับของเสียในรูปของปัสสาวะนั่นก็คือรูปแบบน้ำออกจากร่างกายนั่นเองถ้าไตทำหน้าที่ผิดปกติดไปเสื่อมไปก็จะทำให้ไตขับน้ำได้น้อยลงทำให้ร่างกายของเรามีน้ำเพิ่มมากขึ้นจนทำให้ร่างกายของเราบวมขึ้นมาได้นั่นเอง

เพราะฉะนั้นให้ลองสังเกตอาการของตนเองดูใครที่มีขาบวมและบวมทั้งสองข้างแล้วบวมขึ้นมาจนถึงหน้าแข้งแล้วก็เอานิ้วชี้กดที่หน้าแข้งของเราดูหากยุบลงไปก็แสดงว่าตรงนี้อาจจะเป็นโรคไตแล้วก็ได้ ถ้าเราปล่อยทิ้งไว้หน้าบวมตาบวมจนไปถึงน้ำท่วมปอดได้เลยทีเดียวดังนั้นแนะนำเลยถ้าใครที่มีอาการขาบวมให้รีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจกันต่อไป

สัญญาณที่ สอง ปวดหลัง หลายคนก็สงสัยว่าอาการปวดหลังของตนเองจะเป็นโรคไตหรือเปล่าก่อนอื่นเลยเราต้องบอกเอาไว้ก่อนว่า80%ของการปวดหลังเกิดจากกล้ามเนื้อหลังของเราอักเสบอาจจะเกิดจากการที่เราไปยกของหนักหรือว่าออกกำลังกายผิดทำให้กล้ามเนื้ออักเสบและปวดหลังขึ้นมานั่นเอง

แต่สำหรับโรคไตก็จะมีโอกาสปวดเฉพาะเหมือนกัน ซึ่งอาการปวดหลังของอาการโรคไตก็คือจะมีอาการปวดมากอยู่ก็ปวดมากแล้วก็ปวดเฉียบพลันขึ้นมาแล้วก็อาการปวดมันก็จะร้าวไปที่หน้าขาของเราลองสังเกตอาการาตนเองดูใครที่ปวดหลังแบบเฉียบพลันปวดมากแล้วร้าวไปที่หน้าขาแบบนี้ใครคิดถึงไว้เลยว่าคุณอาจจะเป็นนิ้วในไตแล้วก็ได้

แนะนำว่าให้รีบไปพบแพทย์แต่ถ้าใครไม่มั่นใจว่ามันเป็นกล้ามเนื้อหรือว่าเป็นไตก็สามารถเข้าไปพบแพทย์กันก่อนได้เลย.  หวยฮานอย บาทละ 1000  เพื่อทำการตรวจแล้วินิจฉัยต่อไป

สัญญาณที่ สาม ปัสสาวะเป็นเลือด ใครที่ปัสสาวะออกมาเป็นเลือดหรือว่าปัสสาวะออกมาเป็นสีน้ำล้างเนื้อให้สังสยเอาไว้เลยว่าอันนี้คุณอาจจะเป็นโรคไตแล้วก็ได้ เพราะว่าสำหรับคนที่เป็นโรคนิ้วในไตตัวนิ้วมันจะไปขุดตัวเนื้อเยื้อต่างๆในไตในท่อไตทำให้มันมีเลือดออกมาปัสสาวะออกมาเป็นเลือดนั่นเองหรืออาจจะเกิดจากการที่กวยไตอักเสบหรือว่าไตอักเสบก็จะทำให้ปัสสาวะเป็นเลือดปัสสาวะเป็นสีน้ำล้างเนื้อ